วันนี้ (25ก.พ.68) ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพมหานคร พรรคร่วมรัฐบาลนัดรับประทานอาหารเย็น โดยมีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรค เป็นเจ้าภาพ
โดยพรรคแรกที่มาถึงคือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ตามด้วยพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. ตามด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)
ก่อนที่เวลา 17.15 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. จะเดินทางมาถึง โดยมีนายอนุทินออกไปต้อนรับ
ภายหลังการดินเนอร์เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า วันนี้มีการคุยกันเตรียมตัว เรื่องของการอภิปรายในสภาฯ ซึ่งมีการพูดคุย ว่ามีหัวข้ออะไรบ้าง ที่อยากจะเล่า ซึ่งมีการคุยกันแบบลงรายละเอียด อย่างที่เห็นเลยว่ารัฐบาลชุดนี้มีเอกภาพ และมีเสถียรภาพอย่างมั่นคง เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน และมีการถามข้อมูลการคุยกัน ของระหว่างกระทรวงด้วย
เมื่อนักข่าวถามว่ามีการขอมติจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่าการอภิปรายไม่ไว้ วางใจครั้งนี้ จะต้องขอสนับสนุน รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายอย่างพร้อมเพียง นายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐบาลมีเอกภาพ เพราะฉะนั้นเรื่องของการสนับสนุนรัฐมนตรี เราก็ทราบเนื้องานกันอยู่แล้ว และทราบมือกันอยู่แล้วว่าแต่ละกระทรวงทำเรื่องอะไรกันบ้าง เพียงแต่วันนี้มีการคุยกันให้ชัดเจนเท่านั้นเอง
นักข่าวถามว่า จะไม่มีการหักหลังกันเกิดขึ้นใช่ไหม หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่มีค่ะ”
นักข่าวถามต่อว่า ถ้ามีคนแตกแถวขึ้นมาจะมีบทลงโทษอย่างไร นายกฯ บอกว่า “ไม่ได้คิดถึงบทลงโทษ เรื่องของการแตกแถวใดๆทั้งสิ้น เพราะคิดว่าไม่จำเป็น ต้องคิดบทลงโทษ เพราะเราคุยกันเป็นเอกภาพตกลงกันและคุยกันว่าอะไรยังไง และมีความคิดเห็นตรงกันในทุกๆหัวข้อ”
เมื่อนักข่าวถามว่า เรียกเป็นมติพรรคร่วมได้เลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี หันกลับไปถามรัฐมนตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า “เรียกแบบนั้นได้เลยหรือไม่คะ” ก่อนจะให้สัมภาษณ์ต่อว่า แต่ละพรรคต้องไปคุยกับพรรคของตัวเองก่อน ว่าทุกๆคนในพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนตัวในหัวหน้ารัฐบาลไม่มีความกังวลอะไร และเตรียมตัว พร้อมชี้แจงตอบ ในการอภิปรายที่จะมาถึงนี้ ซึ่งการทานอาหารในค่ำนี้ เรามีลิมิตแค่ว่าหัวหน้าพรรคกับเลขาพรรค เพราะต้องการให้ทุกท่านไปสื่อสารกับคนในพรรคของตัวเอง ให้ชัดเจนถึงแนวทาง เพราะฉะนั้น ก็เลยเป็นวงที่ เล็กกว่าปกติ ซึ่งเน้นแค่นี้เพื่อจะได้เข้าใจถึงเนื้องานจริงๆ
เมื่อนักข่าวถามว่า วันนี้มีหัวหน้าพรรคคนไหนระบายความคับอกคับใจบ้างไหมนางนฤมล รีบชี้ไปที่นายอนุทิน และบอกว่า “คนนี้” ก่อนที่จะหัวเราะกัน และนายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่มีเป็นเพียงการล้อเล่นกัน จริงๆแล้วได้ความรู้และข้อมูลจากทุกท่านเยอะ เพราะว่าหลายๆท่านก็เป็นรัฐมนตรีในหลายๆรัฐบาล ซึ่งตัวดิฉันเอง เป็นนายกฯในตอนนี้ก็รู้สึกว่า ได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุง ทั้งครม.และเรื่องต่างๆที่สามารถทำให้มันดีขึ้นได้ ซึ่งการปิดห้องคุยแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีทุกคนได้รีแล็กซ์
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ตนเองเป็นเป้าใหญ่ ไม่ได้กังวลอะไร และไม่มี เรื่องอะไรที่ตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ตามนั้น ให้ทุกท่านเตรียมตัว ตอบ ข้อมูลของกระทรวงตัวเอง
เมื่อนักข่าวถามว่าสถานการณ์ ทานข้าว ที่เบาลง เป็นเพราะ DSI เลื่อนเคาะ หัวเลือกสวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีบอกว่าโอ๊ย ท่านรัฐมนตรี มาช้าสุดเลยค่ะเพราะท่านเพิ่งออกจากห้องประชุม แล้วก็บรรยากาศก็ดีตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว อย่างเรื่องของ DSI ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไป อะไรเป็นอะไรก็ให้ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นอย่าทำให้เป็นอาญาเป็นการเมืองทุกอย่างก็การเมืองไปซะหมดไม่เช่นนั้นมันจะทำงานยาก
เมื่อนักข่าวถามว่า มั่นใจในตัวรัฐมนตรี แต่ละคนหรือไม่ที่จะสอบผ่านได้สภาฯได้ นายกฯยืนยันว่ ามั่นใจมั่นใจในตัวรัฐมนตรีทุกๆคน ส่วนจะมีคนไหนที่ต้องตบให้เข้าที่เข้าทางหรือไม่นายกฯบอกว่าไม่มีค่ะ พร้อมกับหยอกล้อนักข่าวว่าอาจจะมีสื่อมวลชนบางท่าน ที่จะต้องทำให้เข้าที่เข้าทาง
นักข่าวถามว่ามีใครดื้อไหมคะ นายกบอกว่า “โอ้โหมาถึงจุดนี้ดื้อทุกคนแม้กระทั่งนายกด้วยค่ะ”
Advertisement