นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ คกก.ปชด.ว่า จากการประชุมในวันนี้ยังไม่มีการผ่อนปรนมาตรการตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตและน้ำมันประเทศเมียนมา เนื่องจากประเมินแล้วว่าจะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงยังต้องคงเอาไว้ อีกทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือผู้ที่ก่ออาชญากรรมข้ามชาติ อีกทั้งบางพื้นที่ยังพบว่ายังมีการหลอกลวงอยู่ ก็น่าจะมีขบวนการอยู่ภายใน นอกจากนี้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ยังมีการย้าย ฐานจากเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปยังฐานฝั่งประเทศกัมพูชาและเวียดนาม
โดยนายภูมิธรรม ยืนยันว่า จะเดินหน้าปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ไม่หยุดแน่นอน อย่างที่นายกรัฐมนตรี ระบุไว้ "ไม่จบไม่เลิก" อีกทั้งยังได้มีการพูดคุยกับทางกัมพูชา โดยได้ทำหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อให้การประสานงานดีขึ้น ขณะที่ประเทศลาวด้วย ในส่วนของคิงโรมัน ได้ทราบว่ามีการย้ายฐานไปบ้างแล้ว ก็จะเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป
นายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า ได้มีการตั้งทีมกฎหมาย เพื่อดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งวันนี้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงโครงสร้าง และระบบประสานงานที่ชัดเจน โดยมีพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือ ผบ. ทสส.เป็นผู้บัญชาการ
ส่วนข้อเสนอที่จะประกาศ 5 อำเภอจังหวัดตากเป็นพื้นที่พิเศษ นายภูมิธรรม ระบุว่า ได้มอบหมายให้ไปหารือกันเพราะสิ่งที่สำคัญ แม้จะยึดหลักความมั่นคง แต่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ก็ต้องไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีความเป็นไปได้ในระดับใด หรือมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ในขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการก็ยังไม่มีปัญหาอะไร วันนี้เป็นการตัดสินใจที่คำนึงเรื่องหลักมนุษยธรรมและความมั่นคง รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศ เราพยายามประสานงานและหาจุดที่พอดี ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยืดหยุ่นและยังคงมาตรการเข้มงวดต่อไป
เมื่อถามว่า จะแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างไร เนื่องจากที่ทำอยู่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
นาย ภูมิธรรม ระบุว่า การปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ต้องอาศัยความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใดที่เป็นศูนย์กลางหรือเป็นฐานที่มั่น ก็ต้องดำเนินการให้เข้มข้น อยู่ในความรับผิดชอบของประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องเป็นศูนย์กลางในการปราบปราม ซึ่งเราได้มีการพูดคุยในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ภูมิภาคนี้ต้องจัดการ
ส่วนปัญหาเรื่องท่าข้ามต่างๆที่กังวลว่าจะมีการลักลอบสิ่งต้องห้าม ส่งให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันว่าจะดำเนินการในระดับใด อยากให้การเคลื่อนย้าย การขนส่ง บริเวณสะพาน มิตรภาพไทย- เมียนมา แห่งที่ 2 ในขณะที่ท่าข้ามจะใช้ควบคุมการขับเคลื่อนของคน
ส่วนกรณีข้อเสนอการสร้างแนวกำแพงกั้นบริเวณแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะมีทั้งเสียงสนับสนุนและโต้แย้ง อยู่ระหว่างการประเมิน
โดยนายภูมิธรรม ยังย้ำว่ามาตรการการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ของเรามีความเข้มข้น เพียงแต่พวกเราไม่มั่นใจกันเอง
เมื่อถามว่า ลูกชาย รัฐมนตรีถือหุ้นอยู่บริษัทอยู่ในเมียนมา จะส่งผลต่อการออกมาตรการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เอาชื่อมา แล้วไปดูความเกี่ยวพัน ตนอยากแก้ไขปัญหาตามความเป็นจริง อย่าจินตนาการ หลายเรื่องที่พูดมาบางครั้งก็จินตนาการ ยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแน่นอน ด้วยเกียรติยศของตน
Advertisement