ร.ต.อ.ทองดาว โคตรหลักคำ ร้อยเวร สภ.เมือง ระยอง ได้เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา น.ส.ชลดา ถุงแก้วหงษ์ อายุ 44 ปี ได้เข้ามาแจ้งความว่า ได้ถูกนายอุทิศ นิลแสง อายุ 47 ปี อาชีพครูสอนพละโรงเรียนแห่งหนึ่ง สามีที่อยู่กันมานานถึง 12 ปี ทำร้ายร่างกายและได้ขโมยเอารถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บว 8808 ระยองและ ลูกกุญแจรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน ขท 8242 ระยอง ออกจากบ้านพัก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งสกัดและติดตามหารถคันดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้งความทันที ต่อมาวันนี้ น.ส.ชลดา พร้อมด้วยนายอุทิศ สามี ได้เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวร
น.ส.ชลดา ได้เปิดว่า ความจริงแล้วรถยนต์และรถเก๋งก็ไม่ได้หายไปไหน ตนเองทะเลาะกันกับ นายอุทิศ แต่ตัวเองยังมีลูกกุญแจรถสำรองของ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีออส กลัวว่าสามีจะนำรถไปจึงได้แอบขโมยไปจอดแอบไว้ที่ชายทะเล แต่บอกว่าเอาไปไว้บ้านเพื่อนโดยสร้างเรื่องโกหกมาหลอกสามี ถ้าอยากได้คืนต้องนำเงินมาให้ 10,000 บาทไปใช้หนี้ หลังจากได้รับเงินก็รีบไปเอารถกลับมา ส่วนเรื่องถูกทำร้ายร่างกายเป็นความจริงถูกทำร้ายตลอด แต่มาวันนี้ขอถอนแจ้งความเกี่ยวกับการโดนทำร้ายร่างกายแล้วก็จึงขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอนแจ้งความเกี่ยวกับรถหายให้ด้วย
ด้านนายอุทิศ ได้ ให้การว่า ความจริงแล้ว รถยนต์กระบะไม่ได้หายไปไหน ตนนำออกไปใช้ขับขี่ทำงาน แต่ น.ส.ชลดา มาแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังบอกกับตนเองว่า เอารถยนต์เก๋งไปจำนำไว้ 10,000 บาท จึงมาขอเงินไปไถ่ออกมา โดยที่ตนเองก็ยอมก็ให้เงินไป เพราะเก๋งเป็นชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ แต่ไม่ยอมให้ตนเองไปด้วย หลังเอารถกลับมาก็รีบชวนกันมาถอนแจ้งความ โดยที่ตนยังไม่ทราบความจริงใดๆ เลย ส่วนเรื่องการกุเรื่องโกหกขอเงินไปไถ่ถอนรถคืน น่าจะเกิดจากสาเหตุที่ภรรยาโกรธแค้น เพราะตนชอบทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ที่ทำไปเพราะภรรยาของตนชอบไปกู้เงินนอกระบบบ่อยครั้งมาเป็นประจำ จนเจ้าหนี้มาตามถึงบ้าน ด้วยความโมโหจึงได้ตบตี ต่อมาทั้งสองคนต่างก็วิงวอนขอให้ตำรวจถอนแจ้งความให้ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว
ล่าสุด ร.ต.อ.ทองดาว เจ้าของคดี ได้กล่าวว่า สำหรับการแจ้งความดังกล่าว ถือเป็นการแจ้งความเท็จไม่สามารถยอมความได้ เพราะเป็นคดีอาญา เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายกับ น.ส.ชลดา พร้อมเตือนว่าอย่ากระทำอีก เพราะตำรวจต้องเสียเวลาในการติดตามหารถที่แจ้งหาย
Advertisement