อีจัน THE SERIES ขอเสนอเรื่องราวชีวิตของ มิก หลงจิ นักโทษประหารคดีฆ่าชิงทรัพย์ รายล่าสุดของไทย ที่มีการประหารนักโทษในรอบ 9 ปี กับเรื่องเล่าการประหารของลุงผวน อดีตผู้คุมในเรือนจำกลางบางขวาง พร้อมการประหารชีวิตในประเทศไทยยังคงจำเป็นอยู่ไหม
ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 นายดนุเดช สุขมาก นักเรียนชั้น ม.5 ถูกพบเป็นศพในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง สภาพศพถูกแทงทั่วร่าง 24 แผล เงินสด 2,000 บาท และโทรศัพท์มือถือหายไป สองวันต่อมาตำรวจออกหมายจับและจับตัวผู้กระทำผิดได้ คือ นายจิรศักดิ์ หลงจิ หรือ มิก หลงจิ อายุ 19 ปี พร้อมด้วยหลักฐานมีดยาว 3 นิ้ว ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันชิงทรัพย์ แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม มิก หลงจิ และเพื่อน พบว่านายมิกมีคดีโชกโชนมาตั้งแต่ 2551 คือ คดีจี้ชิงทรัพย์ คดีฆ่าผู้อื่น และคดียาเสพติด รวม 6 คดี ถึงแม้นายมิกจะปฏิเสธแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต ส่วนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น กระทั่งวันที่ 18 มิถุนายน 2561 กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการบังคับโทษตามคำพิพากษาประหารชีวิต มิก หลงจิ ด้วยการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกายให้ตาย นับเป็นการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดในรอบ 9 ปี และเป็นรายล่าสุดของประเทศไทย
ลุงผวน ทรัพย์ระเบียบ อดีตผู้คุมเรือนจำบางขวาง ผู้ที่คลุกคลีกับนักโทษและเห็นการประหารชีวิตตั้งแต่สมัยใช้การยิงเป้าจนมาถึงการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกาย เล่าความทรงจำในแดนประหารนักโทษว่า
"เราอยู่ที่นี่อยู่ตรงนี้ สมัยก่อนเขายิง เราได้ยินเสียงเลยปืนแบล็คมันด์มาเลย เจ้าหน้าที่เขาจะเล็งไว้ตรงหัวใจอยู่แล้ว แต่คนที่เล็งกับคนที่ยิงเป็นคนละคนกัน คนยิงมีหน้าที่ยิงอย่างเดียว" ลุงผวน ทรัพย์ระเบียบ อดีตผู้คุมในเรือนจำกลางบางขวาง เล่าความทรงจำในแดนประหารนักโทษ ก่อนถูกยกเลิกไป
หน้าที่ผู้คุมในเรือนจำ
ผมขึ้นมาเขาก็ให้ขึ้นป้อมเลย ทำงานกลางคืนวันละ 3 ชั่วโมง กลางวัน 3 ชั่วโมง ห้องน้ำไม่มี เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการซื้อกาแฟขึ้นไปพร้อม เพราะกาแฟสมัยจะใส่ประป๋องนมแล้วก็มีเชือกกล้วยห้อยข้างให้เราถือได้ พอเรากินหมดเราก็เก็บไว้ฉี่ แต่ตอนเทลงไปเราก็ต้องดูด้วยมีคนอยู่ข้างล่างไหม กับเรื่องไฟที่มันจะมีไฟฟ้าแรงสูงอยู่รอบๆ ข้างบน อยู่บนป้อมมานาน 10 ปี ถึงได้ย้ายเข้าไปอยู่ข้างใน
พอได้เข้าไปข้างในก็ได้สัมผัสประสบการณ์จริง ถามว่ากลัวไหม มันก็มีส่วนกลัวนะ เพราะว่าเราไม่รู้ใจเขา แต่อยู่ไปแล้วก็ไม่น่ากลัว เพราะนักโทษเขากำลังมีทุกข์ เราเข้าไปเขาก็จะมาคลายทุกข์กับเรามั้ง เล่านั่นเล่านี้ เล่าว่าเขาไม่ได้ทำหรือเขาทำ ให้เราฟัง
การประหารด้วยการยิงเป้า
ตอนนั้นผมเข้าไปอยู่ข้างใน แต่เราไม่มีหน้าที่ไปดูเขาอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปสัมผัส แต่เห็นว่าเขาทำอะไรไหม เห็น... ก่อนจะประหาร เขาก็จะไปเอาตัวนักโทษซึ่งถูกขังไว้อยู่ข้างในเป็นห้องๆ ห้องละ 20-25 คน เจ้าหน้าที่เขาก็จะไปเรียกตัวออกมา เช่น นาย ก. คนนั้นก็จะรู้ตัวแล้วว่าจะโดนประหาร เขาก็จะแบ่งเสื้อผ้า ของใช้ให้กับเพื่อนที่ยังอยู่ เพราะว่าไม่มีโอกาสจะได้ใช้อีกแล้ว ซึ่งบางคนก็ตกใจ แต่บางคนก็ไม่กลัว
เจ้าหน้าที่เขาก็จะนำตัวไปพิมพ์รายนิ้วมือ แล้วก็ให้กินอาหาร มื้อนั้นนักโทษอยากกินอะไรเขาก็หาให้กิน ทางโรงครัวเขาจะเอาอาหารมาส่งให้นักโทษกินไวกว่าปกติ เพื่อจะให้นักโทษขึ้นห้องก่อนบ่ายสาม ก่อนประหารไม่ใช่ว่าจะปล่อยนักโทษให้เดินเพ่นพ่านไปมา เขาต้องทำให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ให้เขียนจดหมาย หากมีสมบัติหรือข้าวของที่อยากยกให้ใครก็ให้เขียนแจ้งไว้ บางคนก็เขียนขอบริจาคดวงตาบ้างบริจาคร่างกายบ้างให้กับโรงพยาบาล
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำตัวไปอีกห้องหนึ่ง เพื่อไปฟังพระเทศนาถึงกรรมดีกรรมชั่ว เสร็จแล้วเขาก็เอาคำสั่งให้ประหารมาอ่านให้ฟัง
มีคนเล็งเป้า ให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก
เขาไม่ได้ยิงตัวที่ตัวเลยะ เขายิงที่ฉาก ที่เป้าเล็งไว้แล้วตรงหัวใจ เขาก็จะนำนักโทษไปนั่งกอดกับเสาที่เป็นรูปไม้กางเขน เจ้าหน้าที่ก็จะเอาเชือกมามัดตัวให้อกติดกับเสา มัดมือพนมเข้าด้วยกัน แล้วใช้ผ้าปิดตา ให้ไหว้พระในโบสถ์ ของวัดบางแพรกใต้ เพราะตรงที่ประหารอยู่ตรงกับโบสถ์พอดี เจ้าหน้าที่เขาก็จะเล็งตรงหัวใจรอ แต่คนที่เล็งกับคนที่ยิงเป็นคนละคนกัน คนยิงมีหน้าที่ยิงอย่างเดียว สมัยก่อนนั่งอยู่ที่นี่เขายิง..เราจะได้ยินเสียงเลยเสียงปืนแบล็คมันด์มาเลย แต่ตอนหลังเขาเก็บเสียงแล้วเลยจะไม่ได้ยิน
ส่วนศพของนักโทษประหาร ห้ามเอาออกหน้าเรือนจำ ต้องเอาออกผ่านประตูผีด้านหลังเท่านั้น แต่ตอนหลังที่เขามาใช้วิธีฉีดยา ผมก็ไม่รู้ว่าเขาออกศพออกทางด้านไหน เพราะช่วงผมปลดเกษียณแล้วก็จะไม่ค่อยได้อยู่ ถ้าตอนยังทำงานอยู่ก็น่าจะรู้
ตอนผมทำงานกองนอกเรือนจำ แล้วต้องเข้าไปช่วยกันยกโลงออกมา เขาจะมีเจ้าหน้าที่ออกมาข้างนอกคนหนึ่ง ข้างในคนหนึ่ง ข้างในไขกุญแจเสร็จก็จะเอากุญแจให้คนข้างนอก คนข้างนอกไขปิดเสร็จก็จะเอากุญแจเก็บ ญาติเขาก็จะรอรับศพอยู่ข้างนอก ถ้านักโทษคนไหนไม่มีญาติมารับเขาก็จะเอาไปเก็บไว้ ซึ่งจะมีที่เก็บอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ตอนนี้ไม่มีนักโทษแล้ว มันทรุดโทรมไปเยอะ
อยากให้คงโทษประหารเอาไว้
ผมคิดว่าควรจะมีกฎหมายนี้ไว้ เพราะว่าบ้านเมืองเราเคยมีโทษประหารมาตั้งแต่สมัยก่อน ถ้าเราตัดออกไปรู้สึกว่ามันไม่ดี ผมว่าบ้านเมืองเรามีคนทำไม่ดีเยอะ คดีโน้นคดีนี้มันเยอะ ผมคิดว่าต้องมีไว้ให้คนที่คิดจะทำความผิดได้นึกถึงการประหาร อย่างที่โบราณว่าไว้นั่นแหละ เชือดไก่ให้ลิงดู
แต่คนที่เขาทำผิดเขาไม่อยากให้มีไง ฉีดยามันง่าย แต่ผมว่ามันไม่หวาดเสียวเหมือนยิงปืน..ลุงผวน กล่าว
Advertisement