Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รักกลางดรามาเครื่องแบบ สมรสเท่าเทียมทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต

รักกลางดรามาเครื่องแบบ สมรสเท่าเทียมทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต

19 ก.พ. 68
16:20 น.
|
865
แชร์

รักกลางดรามาเครื่องแบบ ของ ส.ต.อ.พิสิษฐ์ และ ชนาธิป สิริหิรัญชัย คู่รักตำรวจคู่แรกของประเทศที่จดทะเบียนสมรส หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่าน ทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต

"มันเป็นสิ่งที่เราได้ปลดล็อกภายในใจ ปลดล็อกความเป็นตัวเอง ปลดล็อกทางกฎหมาย ปลดล็อกในทุกๆ อย่าง สิทธิต่างๆ ให้เราได้ดำเนินชีวิตไปโดยที่เราสามารถเดินได้อย่างสง่าผ่าเผยในสังคม ไม่ต้องมากลัวกฎหมายที่มันจะต้องขัดแย้งกับสิ่งที่เราเป็นอยู่"

ความในใจของ ส.ต.อ.พิสิษฐ์ สิริหิรัญชัย ข้าราชการตำรวจ และ ชนาธิป สิริหิรัญชัย คู่รักที่สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะคู่รักตำรวจคู่แรกของประเทศไทยที่จดทะเบียนสมรส หลังประเทศไทยประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ "จดแจ้งชีวิตคู่" เพื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง จนกระทั่งกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านและประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ทำให้ทั้งคู่ได้เติมเต็มความเป็นคู่ชีวิตด้วยทะเบียนสมรส และสิทธิที่รองรับกลุ่ม LGBTQ มากขึ้น

จุดเริ่มต้นความรัก

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ความรักของเราเกิดจากการประกาศขายลูกสุนัขตัวหนึ่งทาง TikTok แล้วมีการติดต่อกันระหว่างการซื้อขายช่วงที่น้องยังไม่หย่านม จนวันที่เอาน้องหมามาส่งให้กัน ก็มีการชวนกันไปทำบุญ หลังจากนั้นมันเกิดเป็นว่าเรามีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน เราก็ชอบเหมือนเขา เขาก็ชอบเหมือนเรา ก็เลยตกลงปลงใจว่าเราอยากจะเป็นแฟนกัน เลยเกิดการขอเป็นแฟนกันเกิดขึ้น ณ ตอนนั้นจนถึงวันนี้ก็ 6 ปี แล้วครับ

ความรักท่ามกลางสายตาคนนอก

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ถ้าเป็นที่ทำงานของผมไม่มีเลยนะครับ อาจจะมีช่วงแรกๆ ที่แม่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าการรักเพศเดียวกัน และมีความต้องการให้ลูกอย่างผมมีภรรยา พยายามจะหาผู้หญิงมาให้เราเลือกแต่งงานด้วย มีแค่ตรงนั้น แต่สุดท้ายเราก็ได้อธิบายและทำความเข้าใจไปจนเขาเข้าใจและรับได้ในสิ่งนี้

ชนาธิป : ส่วนตัวผมตั้งแต่คบกันมาหรือก่อนหน้านี้ เรารู้อยู่แล้วว่าตัวเราชอบผู้ชาย ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนหรือสังคมรอบข้างที่อยู่ด้วย ก็จะมีแต่เพื่อนที่เข้าใจและคอยซัพพอร์ตเราอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ที่มีก็จะเกิดจากโลกโซเชียลมากกว่าที่จะมีคำบูลลี่ คำเหยียด เพราะเขายังไม่เข้าใจ แต่ในโลกของความเป็นจริงที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่มีเลยครับ

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : คอมเมนต์ที่เคยเจอก็จะเป็นมนต์รักฟักทอง นักขุดทอง ผิดธรรมชาติ อะไรต่างๆ ประมาณนี้ แต่ของผมที่เป็นตำรวจก็จะมี ถ้าเป็นตำรวจแบบนี้จะไปจับผู้ร้ายได้อย่างไร ควรที่จะลาออกจากตำรวจไปซะ

ชนาธิป : ซึ่งจริงๆ แล้วอย่างตัวคุณคิวเขาเป็นตำรวจ ก่อนหน้านี้อยู่สายงานปราบปราม เขาก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เขาจับผู้ร้ายได้ปกติ แต่ว่าเขาต้องย้ายมาอยู่ฝ่ายกองอำนวยการเพราะว่าประสบอุบัติเหตุ ต้องใส่เหล็กดามแขน ถ้าจะไปทำงานต่อตรงนั้นมันจะลำบาก ไปวิ่งจับผู้ร้ายก็ไม่ได้ เลยย้ายเข้ามาอยู่ในฝ่ายกองอำนวยการแทน

วันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม "ผ่านอย่างสมบูรณ์แบบ"

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : เรื่องของกฎหมายมันเป็นสิ่งที่ดี อย่างแรกก็คือต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่เขายังไม่มีโอกาสได้ใช้กฎหมายฉบับนี้ก่อนสำหรับบางคู่นะครับ สำหรับผมมันเป็นเรื่องดีเพราะว่าต่อไปในอนาคต คนเราไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักแบบใด ความรักไม่จำกัดเพศ สามารถมีความรักแล้วก็อยู่ภายใต้กฎหมายที่รองรับพวกเขา เขาสามารถใช้ชีวิตคู่หรืออยู่เป็นครอบครัวโดยที่มีกฎหมายรองรับครับ

ชนาธิป : สำหรับผมคิดว่ากฎหมายที่ผ่านคือความน่ายินดี สำหรับทุกๆ คนที่มีความหลากหลายทางเพศ มันทำให้รู้สึกว่าความรักของเรามันได้ถูกต้องตามกฎหมายและมีกฎหมายรองรับเราและทุกๆ คน แล้วข้อดีของการมีกฎหมาย คือมีสิทธิต่างๆ เช่น สิทธิการเบิกจ่าย สิทธิในส่วนของข้าราชการ สิทธิในการดูแลมรดก จัดการมรดกร่วมกัน สิทธิในการตัดสินใจการรักษาพยาบาล สิ่งเหล่านี้ถือว่ามันสามารถคุ้มครองและเราได้รับสิทธิตรงนี้อย่างเต็มที่และเท่าเทียมกับคนอื่นๆ

ดีใจที่สังคมโอบรับและเข้าใจพวกเรามากขึ้น

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ผมคิดว่ายังมีอีกส่วนมากที่เขาเปิดใจรับ มันเป็นสิ่งที่น่ายินดีว่าทุกคนไม่ได้ปิดกั้นหรือมีความคิดเดิมๆ ที่มองว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดธรรมเนียม ผิดประเพณี ผิดธรรมชาติ ผิดอะไรต่างๆ นานา เขาได้ข้ามความคิดของเขาตรงนั้นไป ผมว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะว่าบางคนก็อาจจะมีอยู่ที่ยังไม่ยอมเปิดความคิด แต่บางคนเขายอมเปลี่ยน ในโลกที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกล แต่คนก็พัฒนาตามเทคโนโลยี ตามโลกไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนอยู่กับที่เดิม ว่าตรงนี้มันเป็นสิ่งที่น่ายินดีมันมีความสุขที่ว่าอย่างน้อยก็มีหลายคนที่เขาเปิดรับ เปิดโอกาสให้ และเข้าใจบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และเข้าใจคำว่าความรักมากขึ้น ไม่จำกัดแค่ความรักระหว่างหญิง-ชายเท่านั้นครับ

ชนาธิป : ส่วนตัวผมรู้สึกว่าดีใจที่ทุกคนให้การตอบรับและมีเสียงชื่นชม อย่างมางานวิวาห์ใต้สมุทรก็สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่า ผู้คนรอบข้างประชาชนรอบข้างโบกไม้โบกมือส่งกำลังใจให้ ส่งหัวใจให้ เราจึงรู้สึกว่าสังคมเปิดรับมากขึ้นแล้วคนก็เข้าใจเรามากขึ้น แล้วสังเกตดูว่าวันนี้ที่เราเห็นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุเยอะที่มายืนมองขบวน ซึ่งน่ารักมาก ต่างคนต่างโบกไม้โบกมือส่งมินิฮาร์ท ส่งกำลังใจให้พวกเรา สำหรับผมมันเป็นภาพที่ดีและน่าประทับใจมากที่สุดเลยครับ

แล้วที่ประทับใจมากคือมีคนวิ่งมานั่งบนรถแล้วแสดงความยินดีกับเรา มันเป็นภาพที่น่าประทับใจ แล้วทำให้ผมรู้สึกว่าคนเริ่มเปิดใจ สังคมเริ่มเปิดรับและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ยังมีบ้างส่วนน้อย อย่างที่ผมบอกไปคือบางคนที่อยู่ในโลกโซเชียล แต่ถ้าในสังคมรอบข้าง เวลาเราไปไหนมาไหนก็มีแต่คำชม คนชื่นชมแล้วก็ยินดีกับเรา

"สมรสเท่าเทียม" ทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้ จริงๆ คิดว่าบางทีเวลามีการเสนอข่าว เราก็กลัวว่าอาจจะต้องรออีกสักกี่ปีกันนะ กี่สิบปี เพราะเดี๋ยวก็ไม่ผ่านตรงนั้นไม่ผ่านตรงนี้ คือความกังวลมันก็มีในทุกครั้งที่เราดูข่าว เพราะเราก็ไม่รู้ว่าวันๆ นึง ถ้าเกิดว่ามันไม่ผ่านขึ้นมา แล้วเราจะสามารถดูแลเขาได้ไหม แล้วสิ่งที่เราจะต้องการให้ เรายังให้เขาไม่ได้ มันยังคาอยู่ตรงนี้ กลายเป็นว่าเราต้องอยู่กับความกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไรมันถึงจะมีแบบนี้สักที แต่พอประกาศขึ้นมาว่าอีก 180 วัน ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะภายในระยะเวลาแค่นี้ เราเพิ่งไปจดแจ้งครั้งที่ 3 ที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย แล้วมันก็มีข่าวดีออกมา ก็รู้สึกว่ามันก็ไวนะ

ชนาธิป : ถือว่าไวนะครับ แค่ 3-4 ปี ไวมากที่เรารอคอยมา แล้วเราไปจดแจ้งคู่ชีวิตจากสำนักงานเขตทั้งหมด 3 สำนักงานเขตที่มีกิจกรรมวันวาเลนไทน์ เราก็ไปทุกปี ซึ่ง 3 ปีนี้รู้สึกว่าตอนแรกเป็นการรอคอยที่นาน แต่พอเขาประกาศมา 180 วัน คือแป๊ปเดียวเอง (ยิ้ม)

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ใจฟูมากครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราได้ปลดล็อกภายในใจ ปลดล็อกความเป็นตัวเอง ปลดล็อกทางกฎหมาย ปลดล็อกในทุกๆ อย่าง สิทธิต่างๆ ให้เราได้ดำเนินชีวิตไปโดยที่เราสามารถเดินได้อย่างสง่าผ่าเผยในสังคม เราไม่ต้องมากลัวกฎหมายที่มันจะต้องขัดแย้งกับสิ่งที่เราเป็นอยู่

รักกลางดราม่า "เครื่องแบบ"

ท่ามกลางความยินดีจากคนรอบข้างและคนในสังคมต่อความรักของทั้งคู่ ในวันที่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่วายเกิดดราม่า ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแต่งเครื่องแบบไปจดทะเบียน ประเด็นนี้ทั้งสองบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพร้อมน้อมรับทุกคำวิจารณ์

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ถ้าเป็นเรื่องนี้ ผมขอขอบคุณทุกๆ ความเห็นที่แสดงเข้ามา ซึ่งเรามองว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเห็นต่าง

ชนาธิป : เราก็ไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามความเห็นของใครได้ ถ้าในเมื่อเรากล้าเปิดตัว เราก็ยินดีและยอมรับความคิดเห็นของทุกๆ คน ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ กลายเป็นว่าเรามาโฟกัสในการใช้ชีวิตของเราสองคนมากกว่ากับการต้องไปโฟกัสในโลกออนไลน์

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นที่แสดงเข้ามาครับ

อนาคตที่วางไว้ร่วมกัน

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ตอนนี้ที่ใกล้ที่สุดก็คือการจัดงานแต่งที่จะเกิดขึ้นที่พัทลุงครับ วันที่ 20 เมษายน จริงๆ แล้วผมจดแจ้งมาแล้ว 3 ครั้ง จดจริง 1 ครั้ง แต่งพอเป็นพิธีเป็นกิจกรรมก็ 3 ครั้ง ก็เหมือนกับการที่ได้จดทะเบียน เลยคิดว่ามันเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้ว

ชนาธิป : ซึ่งถ้าเกิดว่าเราได้จัดงานแต่ง ก็ถือว่าญาติพี่น้อง พ่อแม่ ก็จะได้มารับรู้เต็มที่ ได้เปิดเผยอย่างแท้จริง แต่ก่อนหน้านี้เราก็เปิดเผยอยู่แล้ว แต่แค่ว่าอยากให้มันสมบูรณ์แบบครับ

ส.ต.อ.พิสิษฐ์ : ให้ได้เติมเต็มคำว่าครอบครัวของทั้งสองฝ่าย จะได้กลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เดียวกัน ภายใต้งานแต่งและทะเบียนสมรสที่เราได้จดมาครับ

ชนาธิป : แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คืออาจจะกลับมาอยู่บ้านที่ใต้ เพราะว่าพ่อแม่ของเราก็อายุเยอะแล้ว ก็เลยมีการวางอนาคตตรงนี้เอาไว้ครับ

เพราะความรักไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเพศ ท่ามกลางสังคมที่เปิดกว้างขึ้น จึงทำให้ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม ทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต จนเกิดเป็นความสมบูรณ์แบบของชีวิตคู่ในวันนี้

Advertisement

แชร์
รักกลางดรามาเครื่องแบบ สมรสเท่าเทียมทำให้ได้ปลดล็อกทุกอย่างในชีวิต