เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจมากที่สุดคือการถล่มของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ซึ่งนำไปสู่คำถามสำคัญที่เกี่ยวกับมาตรฐานการก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานเหล็กเส้นที่ใช้ในโครงการนี้ ทั้งนี้ได้มีการตรวจสอบเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว และพบว่าเหล็กเส้นบางส่วนไม่ได้มาตรฐาน
เหล็กเส้นมีกี่ประเภท? แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?
เหล็กเส้นเป็นวัสดุก่อสร้างพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานก่อสร้างทุกประเภท ตั้งแต่บ้านพักอาศัยขนาดเล็กไปจนถึงอาคารสูงและโครงสร้างขนาดใหญ่ เหล็กเส้นมีหน้าที่หลักในการเสริมความแข็งแรงให้กับคอนกรีตและโครงสร้างอื่นๆ เพื่อให้สามารถรับแรงดึงและแรงเฉือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหล็กเส้นกลม (Round Bar - RB)
ลักษณะ : เป็นเหล็กเส้นที่มีพื้นผิวเรียบ ไม่มีบั้ง
การใช้งาน : ใช้สำหรับงานก่อสร้างขนาดเล็ก เช่น งานเทพื้นถนน งานเสริมคอนกรีตทั่วไป
คุณสมบัติ : ดัดโค้งง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก
เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bar - DB)
ลักษณะ : มีบั้งหรือครีบรอบเส้นเพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะกับคอนกรีต
การใช้งาน : ใช้ในโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น เสา คาน ฐานราก
คุณสมบัติ : มีความแข็งแรงสูงกว่าประเภทกลม สามารถรับแรงดึงได้ดี
เหล็กลวด (Wire Rod)
ลักษณะ : มีขนาดเล็กกว่าปกติ ส่วนใหญ่มักเป็นขดลวด
การใช้งาน : ใช้สำหรับงานผูกเหล็กเสริมคอนกรีต หรือใช้ในงานอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กโครงสร้างอื่น ๆ
คุณสมบัติ : มีความยืดหยุ่นสูง ง่ายต่อการนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
เหล็กเส้นเกลียว (Threaded Bar)
ลักษณะ : มีเกลียวตลอดความยาวของเส้น
การใช้งาน : ใช้ในงานโครงสร้างพิเศษที่ต้องการการเชื่อมต่อแบบสกรู เช่น งานเสริมโครงสร้างอาคารสูง สะพาน และอุโมงค์
คุณสมบัติ : สามารถขันน็อตและประกอบเข้ากับชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้ง่าย
ตัวเลขบนเหล็กเส้นบอกอะไร?
ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเหล็กเส้นนั้นมีความสำคัญในการระบุขนาดและคุณสมบัติของเหล็กเส้น ซึ่งมีผลต่อการนำไปใช้งานในงานก่อสร้างต่าง ๆ โดยตัวเลขเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (Diameter)
ขนาดของเหล็กเส้นจะถูกระบุด้วยตัวเลขที่แสดงถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเป็นมิลลิเมตร (มม.) โดยตัวเลขจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกขนาดเหล็กเส้นที่เหมาะสมกับความต้องการของงานก่อสร้าง เช่น
เหล็กเส้นกลม (RB) : RB6, RB9, RB12, RB15, RB19, RB25
เหล็กเส้นข้ออ้อย (DB) : DB10, DB12, DB16, DB20, DB25, DB28, DB32
ชั้นคุณภาพ (Grade)
เหล็กเส้นแต่ละประเภทจะมีชั้นคุณภาพที่ระบุถึงกำลังรับแรงดึงที่จุดคราก (Yield Strength) ซึ่งมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (กก./ตร.ซม.) ชั้นคุณภาพจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเหล็กเส้นที่มีความแข็งแรงเหมาะสมกับประเภทของโครงสร้าง เช่น
SR24 : เหล็กเส้นกลมที่มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 2,400 กก./ตร.ซม.
SD30, SD40, SD50 : เหล็กเส้นข้ออ้อยที่มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 3,000, 4,000 และ 5,000 กก./ตร.ซม. ตามลำดับ
มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
เหล็กเส้นในประเทศไทยต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ที่กำหนดคุณสมบัติทางกายภาพและทางกลของเหล็กเส้น และจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้างมีคุณภาพและความปลอดภัย เช่น
มอก. 20-2559 : เหล็กเส้นกลมสำหรับคอนกรีตเสริมเหล็ก
มอก. 24-2559 : เหล็กเส้นข้ออ้อยสำหรับคอนกรีตเสริมเหล็ก
Advertisement