เมื่อวานนี้ 6 ก.ค. เป็นวันแรกที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย ปรับอัตราค่าบริการส่งจดหมาย ซึ่งเป็นการปรับอัตราค่าบริการครั้งแรกในรอบ 18 ปี ตามกฏกระทรวงกำหนดอัตราไปปรษณียากรและค่าธรรมเนียมฉบับใหม่ที่ได้มีผลบังคับใช้แล้ว แทนกฎกระทรวงเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 มีผลใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน
โดยอัตราค่าบริการตามกฏกระทรวงใหม่นี้แบ่งเป็น 2 ระยะ คือระยะแรก พ.ศ.2565 และระยะสองคือ 2568 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดค่าบริการดังนี้
ไม่เกิน 10 กรัม 3 บาท 4 บาท
เกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน20 กรัม 5 บาท 6 บาท
เกิน20กรัมแต่ไม่เกิน 100กรัม 10 บาท 11บาท
เกิน 100กรัม แต่ไม่เกิน250 กรัม 15 บาท 17 บาท
เกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน500 กรัม 20 บาท 23 บาท
เกิน500กรัมแต่ไม่เกิน1,00 กรัม. 35 บาท 40 บาท
เกิน1,000กรัมแต่ไม่เกิน2,000กรัม 55 บาท 62 บาท
จดหมายประเภทหีบห่อ
ไม่เกิน 500 กรัม 30 บาท 34 บาท
เกิน 500 กรัม แต่ไม่เกิน 1,000กรัม 40 บาท 45 บาท
เกิน 1,000 กรัมแต่ไม่เกิน2,000กรัม 55 บาท 62 บาท
เหตุผลที่มีการเสนอปรับราคาขึ้นเพราะปัจจุบันต้นทุนการให้บริการสูงขึ้น แต่ทางไปรษณีย์ไทยไม่เคยปรับการให้บริการมานานถึง 18 นั่นเอง ซึ่งทางไปรษณีย์ไทย ยืนยันว่า การปรับอัตราไปรษณียากรในระยะ 3 ปีแรก จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคประชาชนแต่ประการใด เนื่องจากเป็นการปรับอัตราไปรษณียากรเฉพาะบริการประเภทจดหมายซึ่งภาคประชาชนส่วนใหญ่มาใช้บริการฝากส่งอยู่ในช่วงพิกัดน้ำหนัก 0 – 10 กรัม ซึ่งมีอัตราไปรษณียากร 3 บาท (เท่าเดิม) และแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจสำหรับกลุ่มการเงิน กลุ่ม e-Commerce และกลุ่มขนส่งและสื่อสารก็ตาม แต่เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญจนอาจเกิดการผลักภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปยังผู้ใช้บริการแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งสินค้าในพิกัดที่เกิน 20 กรัมหากเทียบอัตราค่าบริการก่อนหน้านี้พบว่า ค่าบริการอัตราใหม่ขึ้นมาค่อนข้างสูง เช่น ถ้าเป็นจดหมายประเภทซอง 20กรัม แต่ไม่เกิน100 กรัม จากเดิม 5 บาท ขึ้นมาเป็น 10 บาท เท่ากับขึ้นมา100% เป็นต้น
สำหรับอัตราค่าบริการใหม่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย มีโปรโมชันบริการ EMS ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใช้บริการและต้นทุนผู้ประกอบการ โดยส่ง EMS วันจันทร์ – วันเสาร์ค่าส่งเริ่มต้น 25 บาท และพิเศษวันอาทิตย์ค่าส่งเริ่มต้น 19 บาท สามารถเช็คสถานะได้ตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ภาคธุรกิจซึ่งฝากส่งเอกสารและจดหมายกับไปรษณีย์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง หรือส่งในปริมาณมากๆ จะมีการมอบส่วนลดในอัตราพิเศษ สามารถเช็คอัตราค่าบริการได้ที่ https://file.thailandpost.com/upload/content/_62c511577605e.pdf
สำหรับความหมายของ จดหมายประเภทซอง คือ จดหมายที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,000 กรัม มีขนาดความกว้าง ความยาว และความหนาของจดหมายรวมกันไม่เกิน60เซนติเมตร
จดหมายแบบหีบห่อ คือ จดหมายที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,000 กรัม ซึ่งมีขนาดความกว้างความยาว และความหนาของจดหมายรวมกันเกิน 60 เซนติเมตร หรือมีรูปแบบหีบห่อในลักษณะพิเศษ เช่นซองขยายข้าง กล่อง หรือ ม้วนกลม