Metaverse หรือ จักรวาลนฤมิต โลกเสมือนสุดล้ำที่ใครๆ ก็ ‘เคย’ อยากเข้าไปใช้ชีวิตอยู่บนนั้นในช่วงต้นปี โอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ที่หลายองค์กรธุรกิจ รวมถึงประเทศอยากเข้าไปจับจองพื้นที่ของตัวเอง จนทำให้ราคา ‘ที่ดินเสมือน’ พุ่งกระฉูด แม้ระบบโครงสร้างพื้นฐานและกรณีใช้งานจริงจะยังมีเพียงหยิบมือก็ตาม
ซึ่งแน่นอนว่า นั่นเป็นสัญญาณของ ‘ฟองสบู่’ ที่กำลังพองโตขึ้นเรื่อยๆ ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน ฟองสบู่ที่ว่า ก็ดูเหมือนกำลังจะ ‘แตก’ ลงแล้ว จากสัญญาณราคาที่ดินบนหลากหลายแพลตฟอร์ม Metaverse ที่ร่วงลงแล้วกว่า 85% ตามรอยโลกการเงินดิจิทัล หรือวงการ ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ ที่ร่วงแรงต่อเนื่อง และมีอาการยังไม่สู้ดีในขณะนี้
ข้อมูลจาก WeMeta เผยว่า ‘The Sandbox และ Decentraland’ โลก Metaverse ที่สร้างขึ้นบนระบบบล็อกเชนเบอร์ต้นของโลกอย่าง อีเธอเรียม บล็อกเชน ประสบปัญหาราคาที่ดินตกต่ำ หลังผ่านจุดพีคมาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินเฉลี่ยของ Decentraland เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 37,238 ดอลลาร์ (ราว 1.32 ล้านบาท) ในเดือนก.พ. มาในเดือนส.ค. ราคาเฉลี่ยกลับร่วงลงมาเหลือเพียง 5,163 ดอลลาร์ (1.83 แสนบาท) คิดเป็น 86.14%
ด้าน The Sandbox เอง ราคาที่ดินเฉลี่ยเคยเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 35,500 ดอลลาร์ (1.26 ล้านบาท) ปัจจุบันราคาเหลือเพียง 2,800 ดอลลาร์ (9.9 หมื่นบาท) คิดเป็นกว่า 92.11% เลยทีเดียว!
โดยภาพรวมของที่ดินบนแพลตฟอร์ม Metaverse อื่นๆ ที่สร้างขึ้นบนอีเธอเรียมบล็อกเชน ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน ราคาหล่นลงมาแล้วกว่า 85% จากที่เคยซื้อขายกันที่ราคาเฉลี่ย 17,000 ดอลลาร์ หรือราว 6 แสนบาท ในเดือนมกราคม ปัจจุบันเหลือเพียง 2,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8.85 แสนบาทเท่านั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวได้แก่ Decentraland, The Sandbox, Voxels, Somnium Space, NFT Worlds, SuperWorld
หลังจากที่คริปโทเคอร์เรนซี ‘ตลาดวาย’ จากสถานการณ์ตลาดหมีลากยาว รวมถึงเหตุการณ์ที่หลากหลายบริษัทคริปโทยื่นล้มละลายจากผลกระทบแบบลูกโซ่ มาร์เก็ตแคปร่วงลงแล้วกว่า 62.39% จากจุดสูงสุดในปีก่อน ส่งผลกระทบมาถึงวงการที่ดิน Metaverse ที่หลายคนเคยหวังเข้ามาลุยธุรกิจอสังหาแห่งโลกอนาคต WeMeta รายงานว่า ปริมาณการซื้อขายที่ดินเสมือนปัจจุบันเหลือเพียง 157 ล้านดอลลาร์ (5.56 พันล้าน) จากที่เคยทำจุดสูงสุดในปีก่อนที่ 1 พันล้านดอลลาร์ (3.54 หมื่นล้าน) หายไปเกือบ 85%
ด้านปริมาณการซื้อขายเหรียญโทเคนที่เป็นของแพลตฟอร์ม Metaverse ต่างๆ ก็เซื่องซึมไม่ต่างกัน มูลค่าตลาดในภาพรวมร่วงลงแล้วกว่า 80% โดยเหรียญ MANA ของ Decentraland มีมูลค่าร่วงจาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (3.54 แสนล้านบาท) สู่ 2 พันล้านดอลลาร์ (7 หมื่นล้านบาท) และเหรียญ SAND จาก The Sandbox เคยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 8.4 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3 แสนล้านบาท ร่วงลงเหลือ 1.78 พันล้านดอลลาร์ (6.30 หมื่นล้านบาท)
เพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ในเทศกาลสำคัญต่างๆ หน่วยงานรัฐรวมถึงองค์กรธุรกิจน้อยใหญ่ จะต้องขอเพิ่มความเก๋ไก๋ ใส่คำว่า ‘Metaverse’ ลงไปในชื่องาน และรวมถึงนำกิจกรรมบางส่วนไปจัดบนแพลตฟอร์ม Metaverse เช่น วันตรุษจีน วันสงกรานต์ แม้จะยังถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่กระแส Metaverse ในบ้านเราก็มีท่าทีที่ซบเซาลงไปมาก ไม่ต่างจากนอกบ้าน โดยสถิติการค้นหาจาก Google Trend เผยว่า ผลการค้นหาคำว่า ‘Metaverse’ มีคะแนนระดับความสนใจร่วงลงถึง 75% ทั้งจากผู้คนหาในประเทศไทย และผู้คนหาทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าชาวเน็ต ‘เลิกเห่อ’ Metaverse กันไปมากทีเดียว
ทางด้านราคาเหรียญ MVP Coin ที่ออกโดย Metaverse Thailand แพลตฟอร์ม Metaverse เจ้าใหญ่ของเมืองไทย สร้างขึ้นเพื่อใช้ซื้อขายที่ดินบน Metaverse Thailand ก็มีราคาร่วงลงแล้วถึง 93% จากจุดสูงสุด จากที่เคยทำราคาไว้ 0.138 ดอลลาร์/MVP ปัจจุบันเหลือเพียง 0.0096 ดอลลาร์/MVP แล้ว
คงเป็นการเร็วเกินไปหากจะสรุปว่า กระแสของ Metaverse กำลังจะหายไปจากโลกธุรกิจ วงการโลกเสมือนอาจะเพียงอยู่ในช่วง ‘จำศีล’ ในฤดู Crypto Winter เพื่อรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพียบพร้อม และอุปกรณ์ที่ใช้เข้าสู่โลก Metaverse มีราคาที่จับต้องได้ และเข้าถึงง่ายกว่านี้ ไม่แน่ว่า หากเวลานั้นมาถึง กระแส Metaverse อาจกลับมาร้อนแรงสุดๆ แบบฉุดไม่อยู่อีกครั้งก็เป็นได้
ที่มา : CoinTelegraph , Google Trend, Bitkub