รายงานประจำปีงบประมาณ 2024 ของ Apple ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่บริษัทเห็นว่า เป็น ‘ความเสี่ยงทางธุรกิจ’ โดยเน้นย้ำถึงความกังวลว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ อาจไม่สามารถทำกำไรได้เหมือนกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่
ภายในหัวข้อ ‘ปัจจัยเสี่ยง’ ที่ Apple อัปเดตในเอกสาร 10-K ที่ต้องยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) กล่าวถึง ‘3 ความเสี่ยง’ ที่นักลงทุนต้องระวัง นั่นก็คือ:
1. ความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานทางการเงินของผลิตภัณฑ์ในอนาคต
2. ความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับ AI
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Apple ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ต่างๆ เช่น AI และเทคโนโลยีความจริงเสริม (augmented reality) ด้วยอุปกรณ์ ‘Vision Pro’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการประมวลผลเชิงพื้นที่ แต่ Apple ก็ยอมรับว่า ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เหล่านี้ อาจไม่ทำกำไรได้เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์สำคัญในปัจจุบันอย่าง ‘iPhone’
“ผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีใหม่ อาจเข้ามาแทนที่นวัตกรรมที่มีอยู่ แต่อาจสร้างรายได้ และอัตรากำไรที่ต่ำกว่าเช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ผลลัพธ์การดำเนินงาน และสภาพการเงินของบริษัท” Apple ระบุ
ภาพรวมผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ของ Apple พบว่า รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิกลับลดลง:
ส่วนยอดขายสุทธิที่แยกตามผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญสำหรับปีงบประมาณ 2024 มีดังนี้:
แม้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนอย่าง AI เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ของ Apple ในการผลักดันการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ แต่ AI ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเช่นกัน และอาจทำให้ผู้ใช้งาน ต้องสัมผัสกับเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ Apple ยังระบุว่า AI อาจไม่สามารถตรวจพบ หรือแก้ไขปัญหาในฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือบริการทั้งหมดได้ และอาจนำไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพที่แพร่หลาย แม้ Apple ได้เปิดตัว ‘Apple Intelligence’ ระบบ AI ของบริษัทเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และคาดว่า จะมีการผสานรวมกับ ‘ChatGPT’ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็ตาม
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่การยื่นเอกสารของ Apple มีการกล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อย่าง ‘ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์’ โดย Apple ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และซัพพลายเชน ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งต้นทุนและการจัดหาผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในส่วนของ App Store จากคดีคำตัดสินต่อต้านการผูกขาดล่าสุดต่อ Google อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Apple ที่มีอัตรากำไรสูงจากภาคบริการ รวมถึงการจ่ายเงินจำนวนมากจาก Google เพื่อให้ยังคงเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นบน iPhone
โดยบริการเหล่านี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 3.50 ล้านล้านบาท ทำให้มีบทบาทสำคัญในอัตรากำไรที่แข็งแกร่งของ Apple ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 46.2% ในไตรมาสล่าสุด
William Kerwin นักวิเคราะห์ Morningstar ชี้ให้เห็นว่า แม้ความเสี่ยงที่ Apple ออกมาเผย อาจทำให้เกิดความกังวลกับนักลงทุน แต่การเปิดเผยความเสี่ยงเหล่านี้ ถือเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอยู่แล้ว เช่น ความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นปัจจัยที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
ส่วน Dipanjan Chatterjee นักวิเคราะห์ Forrester กล่าวเสริมว่า ปัจจัยเสี่ยงของ Apple สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจาก iPhone ที่เปิดตัวเมื่อ 17 ปีก่อน กำลังเข้าสู่ ‘ช่วงเวลาของการปิดฉาก’ เพราะฉะนั้น Apple ต้องหากลยุทธ์การเติบโตระยะยาวแบบใหม่
นอกจากนี้ Chatterjee ยังตั้งคำถามว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจาก iPhone? การเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป อาจมาจากประสบการณ์ที่สร้างจาก AI ที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ที่ดื่มด่ำ มากกว่าการโต้ตอบกับสมาร์ทโฟนในรูปแบบดั้งเดิม
ถึงแม้รายได้จากการขาย iPhone ของ Apple จะลดลงในช่วงต้นปี แต่สำหรับในไตรมาสล่าสุด กลับเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
Gene Munster นักวิเคราะห์ Deepwater Asset Management ยอมรับว่า Apple เผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมากในการลงทุนใน AI และความจริงเสมือน และเน้นย้ำถึงความเสี่ยงทางการเงิน อัตรากำไรขั้นต้นของ Apple ที่คาดว่า จะสูงถึง 49% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ดังนั้นการรักษาผลกำไรจึงต้องอาศัยการสร้างสมดุลระหว่าง ‘นวัตกรรม’ กับ ‘การจัดการต้นทุน’ อย่างมีประสิทธิภาพ
การที่ Apple หันมาใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ และความจริงเสริม มีทั้งโอกาสและความท้าทายที่สำคัญ ตามที่ Dan Newman ซีอีโอ Futurum Group กล่าวว่า Apple มักจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงฮาร์ดแวร์สำหรับ iPhone แต่ AI มีความสำคัญในฐานะจุดขายหลักมากขึ้น รูปแบบธุรกิจของ Apple จึงจะต้องพัฒนาขึ้น
ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ ความสำเร็จในระยะยาวของ Apple อาจขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างนวัตกรรม พร้อมกับการจัดการความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และพลวัตทางการเงินของตลาดใหม่ๆ อย่างเหมาะสม
ที่มา Business Insider, Financial Times, Apple