เมือวันที่ 26 เมษายน 2568 มีรายงานว่า ประธานาบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลสกี พบปะเป็นการส่วนตัวระหว่างเข้าร่วมพิธีศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในมหาวิหารวาติกัน เพื่อเจรจาหาทางยุติสงครามในยูเครน
ภาพปรากฎผู้นำสองประเทศนั่งบนเก้ากี้เหล็กสีทองเบาะสีแดงของมหาวิหาร หันหน้าโน้มตัวเข้าหาและเจรจากัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รอบข้าง ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร เคียฟและวอชิงตันรายงานว่า ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ราว 15 นาทีก่อนเดินลงบันไดมหาวิหาร ก่อนนั่งลงตรงแถวหน้าในกลุ่มฝูงชนที่มาเข้าร่วมพิธี
ผู้นำทั้งสองนั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก รวมถึงไม่ห่างจากประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มานูเอล มาครง ผู้มีภาพเจรจาใกล้ชิดกับทรัมป์ เซเลนสกี และนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ในมหาวิหารเช่นกัน
พิธีศพพระสันตะปาปาฟรานซิสจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครวาติกัน มีผู้มาเข้าร่วมถึง 250,000 คนและผู้นำจาก 150 ประเทศ พิธีจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามประสงค์ของพระสันตปปาที่ระบุไว้ในพินัยกรรม หลังพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ด้วยอาการพระหทัยล้มเหลว รวมพระชนมายุ 88 พรรษา
เซเลนสกีกล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้จะเป็นการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ หากสามารถนำไปสู่สันติภาพอย่างที่เขาตั้งใจ ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้ “คืบหน้ามาก”
การพบกันครั้งนี้ระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีเปนการพบกันต่อหน้าครั้งแรกของทั้งสองนับตั้งแต่การพบปะตึงเครียดในห้องทำงานรูปไข่ที่วอชิงตัน เมือเดือนกุมภาพันธ์ที่ผานมา
หลังพิธีศพของพระสันตาปาฟรานซส ทรัมป์เผยแพร่ข้อความบนโซเชียลมีเดียระหวางขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันออกจากรุงโรม มีข้อความทำนองโจมตีประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินว่า
“ปูตินไม่มีเหตุผลให้ขีปนวุธใส่พื้นที่พลเรือน เมือง และชุมชนต่างๆ ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาเลย” ทรัมป์โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social “มันทำให้ผมคิดว่า บางทีเขา [ปูติน] คงไม่ได้อยากจบสงครามนี้จริงๆ แค่ถ่วงเวลาผมไปเรื่อย ต้องรับมือเขาด้วยทางอื่น อย่างการคว่ำบาตรทางการเงิน หรือการคว่ำบาตรทางอ้อม? มีคนตายมากเกินไปแล้ว” ทรัมป์กล่าว
ด้านเซเลสกีเผยแพร่บนเทเลแกรมว่า “เป็นการประชุมที่ดี ตัวต่อตัว เราได้คุยกันหลายอย่าง เราหวังว่าจะได้ผลัพธ์จากสิ่งที่เราพูดกัน” เซเลนสกีกล่าวว่า หัวข้อที่ทั้งสองคุยกันประกอบด้วย การปกป้องชีวิตประชาชนของเรา การหยุดยิงอย่างถาวรและอย่างไร้เงื่อนไข ความสันติที่จะยื่นยาวและเชื่อถือได้ว่าจะป้องกนการเกิดสงครามอีกครั้ง
“การประชุมครั้งนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์มาก และมีศักยภาพี่จะกลายเป็นการคุยกันครั้งประวัติาสตร์หากเราประสบความสำเร้จในการทำงานร่วมกัน ขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” เซเลนสกีกล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา เซเลนสกีเปิดเผยว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มอาคารที่พักอาศัยในกรุงเคียฟืนก่อนหน้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ขีปนาวุธดังกล่าวรัสเซียรับมาจากเกาหลีเหนือ ตรงกับรายงานจากสำนักข่าว Reuters ก่อนหน้าที่เปิดเผยว่ายูเครนพบขีปนาวุธ KN-23 (KN-23A) ของเกาหลีเหนือ โจมตีที่พักอาศัยในเขตสเวียโตชินสกี ทางตะวันตกของใจกลางกรุงเคียฟ
"จากข้อมูลเบื้องต้น รัสเซียใช้ขีปนาวุธชนิดหนึ่งที่ผลิตในเกาหลีเหนือ หน่วยงานพิเศษของเรากำลังตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด" เซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์ม X
รัสเซียไม่ได้ออกมาปฏิเสธหรือตอบโต้กับข้อกล่าวหาดังกล่าวของเซเลนสกี แต่ทั้งสองประเทศ [รัสเซยและเกาหลีเหนือ] ยังปฏิเสธการแลกเปลี่ยนอาวุธระหว่างกัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นถือว่าละเมิดการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ
เคียฟรายงานว่าเกาหลีเหนือได้ส่งกระสุนปืนใหญ่จำนวนมหาศาล ระเบิด จรวดและทหารหลายพันนาย รวมถึงขีปนาวุธให้กับรัสเซีย ซึ่งเป็นอาวุธที่รัสเซียใช้จมตียูเครนมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023