3 ยักษ์อสังหาฯ ผนึกกำลัง ทุ่มเงินกว่า 20,000 ล้านบาท เปิดตัวเมกะโปรเจกต์ “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” (ARAYA THE EASTERN GATEWAY) เมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่ บนพื้นที่กว่า 4,600 ไร่ ย่านสมุทรปราการ บางนา-ตราด
ความน่าสนใจของ “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” คือ โครงการแห่งนี้เป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรม ที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือ Industrial Tech Ecosystem หรือหากพูดให้เข้าใจง่ายๆ “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” เปรียบเสมือนกับเมืองที่ทุกคนสามารถ WORK, LIVE, PLAY ในเมืองเดียว ไม่ว่าจะเป็น แคมปัสด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี, โลจิสติกส์แบบครบวงจร, นิคมอุตสาหกรรม, โครงการที่อยู่อาศัย, ศูนย์กลางให้บริการชุมชน, และโซนไลฟ์สไตล์และบริการต่างๆ
บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักกับ“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์”เมืองอุตสาหกรรม 2 หมื่นล้าน ของ 3 ยักษ์อสังหาฯ
โครงการ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ (ARAYA THE EASTERN GATEWAY) นับเป็น “The First Industrial Tech Ecosystem in Thailand” หรือ ระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่บนพื้นที่กว่า 4,600 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วยแคมปัสด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี พื้นที่โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรมอารยะ ตลอดจนโซนไลฟ์สไตล์และบริการต่างๆ ศูนย์กลางการให้บริการชุมชน และโครงการที่อยู่อาศัย บนทำเลกิโลเมตรที่ 32 ถนนบางนา-ตราด เชื่อมต่อไปสู่ทางพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motorway) ใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ พร้อมดึงดูดบริษัทชั้นนำจากหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยคำว่า “อารยะ” สื่อถึงอารยธรรม ความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบของโครงการที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม การเติบโตทางธุรกิจ และยังเป็นคำที่ออกเสียงได้ง่ายสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่วน “ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” สื่อถึงทำเลของโครงการที่เชื่อมต่อสู่ภาคตะวันออก และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลักแห่งใหม่ของประเทศ
ทั้งนี้ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้ง 3 บริษัท ได้แก่
นางสาวกมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ได้เปิดเผยว่า "พื้นที่ของ“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” นับว่าเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมผืนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในสมุทรปราการ ขณะที่โครงการอื่นๆ ขายหมดแล้ว โดยราคาขายที่ดินอยู่ในระดับเดียวกับราคาตลาดของพื้นที่โซนนี้ของสมุทรปราการ นั้นก็คือประมาณไร่ละ 12-14 ล้านบาท"
โดยในปีนี้ตั้งเป้าขายที่ดินได้ราว 300-400 ไร่ และเร่งเปิดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเฟสแรกซึ่งคิดเป็นพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ให้แล้วเสร็จในอีก 2-3 ปี และคาดว่าจะปิดการขายที่ดินในเฟสแรกได้ใน 5-6 ปีข้างหน้า และในตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนกับการพูดคุยกับนักลงทุนและลูกค้าหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor & Electronics, กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV), กลุ่มธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals), ธุรกิจการขนส่งและกระจายสินค้า (Logistics) และกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) และยังคงเปิดรับลูกค้าในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่หลายๆเกรงกลัวว่าอาจส่งกระทบต่อการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา คุณกมลกาญจน์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า “นโยบายกีดกันทางการค้าของ Donald Trump นั้นอาจส่งผลดีกับการลงทุนในไทย เนื่องจากประเทศที่มีแนวโน้มจะลงทุนในจีน ต้องการเคลื่อนย้ายการลงทุนออกจากจีน จึงเริ่มที่จะมองหาประเทศอื่นๆ แทน และไทยก็เป็นตัวเลือกที่ดี”
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า โครงการ “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” เรียกได้ว่ามาถูกที่ถูกเวลา ตอนนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ จากการปรับเปลี่ยนซัพพลายเชน ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายการลงทุนครั้งใหญ่ที่จะมีคลื่นการลงทุนลูกใหม่เข้ามาในไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และยังได้มีการเปิดเผยตัวเลยการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างเช่น :
จากตัวเลขนี้ นายนฤตม์ ได้กล่าวเสริมว่า นี่คือโอกาสทองของประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราเองต้องเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องแรงงานสกิลใหม่เพื่อให้รองรับกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามาในอนาคต
ในยุคการค้าโลกและที่กำลังผันผวนจากนี้ไป หากประเทศไทยของเรามองเป็นโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐานมีดี ก็จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยกับประเทศอื่นๆได้ในเวลาเดียวกัน