สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก เมื่อลิซ่าของเราได้แสดงเป็นน้องมุก พนักงานโรงแรม The White Lotus ประเทศไทย แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของการรับบทบาทเป็นนักแสดง แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลิซ่าจะหยิบจับหรือทำอะไรแล้วเป็นกระแสไวรัล หรือหลายๆคนเรียกว่า Lisa Effect และ เจ้าแม่ SOLD OUT
บทบาทของลิซ่าในวงการบันเทิงตอนนี้ ก็เรียกว่าเกือบจะครบสมบูรณ์แล้ว ทั้งผ่าน การเป็นศิลปิน K-pop ชื่อดังระดับโลกจากวง Blackpink ทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลก จนสามารถกอบโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ หรือ การโชว์คาบาเรต์ใน Crazy Horse Paris ขณะเดียวกัน 'ลิซ่า' เองก็ยังเป็นตัวแม่แห่ง Brand Ambassador เป็นลูกรักของแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย
'ลิซ่า' มั่งคั่งแค่ไหนและเป็นลูกรักของแบรนด์อะไรบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้
WealthyStars.net เว็บไซต์รวมข้อมูลความมั่งคั่งของบรรดาศิลปินระดับโลก คาดการณ์ว่า ลิซ่า น่าจะมีทรัพย์สินรวมประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 843 ล้านบาทไทย โดยรายได้ฉ่ำๆนี้ได้มาจากการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ดังๆมากมาย
ซึ่งในช่วงที่เธอเป็น Brand Ambassador Vogue Business ได้มีการประเมินว่า การโพสต์แบรนด์ Celine บน Instagram ของลิซ่าได้สร้าง Media Impact Value หรือมูลค่าผลกระทบต่อสื่อด้วยตัวเลข 1.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 46 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าช่องของทาง Celine เองเสียอีก
และจากการรายงานของ Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ระดับโลก ได้ระบุว่าในช่วงนั้น Celine สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ถึง 3 ครั้ง ภายใน 1 ปี ได้รับตำแหน่ง “แบรนด์หรูที่เติบโตเร็วที่สุด” มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 118% มีมูลค่าสูงกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว “54,660 ล้านบาท”
โดยลิซ่า ได้มีการร่วมออกแบบนาฬิการุ่นลิมิเต็ด ไฮไลต์คือการบอกเล่าเรื่องราวและความเป็นตัวตนของลิซ่า โดยรุ่นนี้มีจำหน่ายเพียงแค่ 1,000 เรือนเท่านั้น ด้วยราคาเรือนละ 208,000 บาท และแน่นอนค่ะว่า SOLD OUT ในชั่วพริบตา
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น ตอนที่ลิซ่าได้เข้าร่วมงานของ BVLGARI ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ เธอได้ใส่สร้อยคอ B.Zero1ที่ผลิตเพียงแค่ 600 เส้นเท่านั้นราคาอยู่ที่เส้นละ 62,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,184,260 บาท) แต่กลับถูกจองจนหมดเกลี้ยงภายใน 5 วัน สร้างรายได้ให้ BVLGARI มากกว่า 1,300 ล้านบาท และยังส่งผลให้เครื่องประดับชิ้นอื่นของแบรนด์ถูกจับจองไปด้วย ทำให้แบรนด์โกยรายได้ไปมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ถึงขาดที่ว่า CEO ของ BVLGARI Jean-Christophe Babin ได้กล่าวว่า "LISA มีความสำคัญมาก เพราะ LISA ช่วยสร้างอนาคตของแบรนด์เรา และช่วยให้ BVLGARI ยังคงอยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ไปทั่วโลกด้วย"
โดยครีเอทีฟไดเรกเตอร์ฝั่งเสื้อผ้าผู้หญิงได้พูดถึง LISA ว่า "LISA เธอมีทั้งจิตวิญญาณที่กล้าหาญและมีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างเหลือเชื่อ เธอเด็ดเดี่ยวและมีความคิดสร้างสรรค์ทั้งในงานดนตรีและงานสายแฟชั่น"
โดยในตอนนี้ House Ambassador ของ Louis Vuitton มีคนดังสัญชาติไทย 3 คนเป็นที่เรียบร้อย นั้นก็คือ ลิซ่า ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ และ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล
หลังจากที่ LISA ได้ออกจาก YG ในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 2023 ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นปีทองของลิซ่าเลยก็ว่าได้ เมื่อเธอประสบความสำเร็จจากเปิดค่ายเพลงเป็นของตัวเองในชื่อ “LLOUD” โดยเป็นบริษัทบริหารจัดการศิลปิน พร้อมทั้งดูแลงานเดี่ยวของตัวเองด้วย หลังจากที่สมาชิกทั้ง 4 ต่อสัญญากับ “วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (YG Entertainmen) เฉพาะการทำงานในฐานะสมาชิกวงเท่านั้น
Guinness World Records ได้ยกย่องให้ลิซ่าเป็นศิลปินแห่งวงการเคป๊อปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีและในประวัติศาสตร์ สามารถครองสถิติโลกบน Guinness World Records มากถึง 8 รายการ เช่น
และนอกจากนี้ ลิซ่า ยังมีสร้างสถิติสุดปังเอาไว้อีกมากมาย ทั้งการเป็น
Single เดียวเพลงแรกของเธอ ที่วิดีโอมีการสอดแทรกตัวตนความเป็นลิซ่าพร้อมกับวัฒนธรรมไทยมากมาย อย่างเช่น การใส่ชุดไทยพร้อมชฎาสีทอง
โดยสำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า "หลังจากปล่อยเพลงออกมาเพียงไม่นานก็พบว่า ความต้องการชุดไทยเพิ่มขึ้นทันทีโดยเฉพาะชุดไทยผ้าไหม รวมถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ “ลิซ่า” ก็ได้รับรายงานจากผู้จัดคณะทัวร์ว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสอบถาม ให้ความสนใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"
เพียงแค่ลิซ่าให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่าชอบกิน ก็ทำให้คนแห่กันไปกินตามรอยลิซ่าจำนวนมาก จนทำให้มีการส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศด้วย
โดยลิซ่า ได้โชว์ฝีมือทำอาหารจานโปรด ฉลองรางวัลขึ้นแท่นศิลปินเค-ป็อปหญิงคนแรกที่มียอดสตรีมมิ่งบน Spotify ทะลุมากกกว่า 1 พันล้าน จากเพลง “Money” ด้วยเมนูข้าวไข่เจียวราดด้วยพริกน้ำปลา
โดยลิซ่าได้มีการคอลแลปส์กับ Erewhon ร้านค้าไฮเอนด์สินค้าออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา และรังสรรค์เมนูสูตรชาไทยของเธอขึ้นมา ด้วยราคา 380 บาท /แก้ว
นอกจากนี้ยังมี เจ๊วรรณน้ำเต้าหู้ ร้านเหลาเหลา ที่ลิซ่าไปกินแค่ครั้งเดียว แต่กลับทำให้ร้านเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า ร้านเหลาเหลา ออกเมนู LISA ขึ้นมา เพื่อให้เหล่าแฟนคลับได้กินตามรอยลิซ่าเลย
เยาวราช สถานที่ถ่ายทำเพลง Rockstar
ซีรีส์ The White Lotus ที่ได้ถ่ายทําที่สมุยเเละภูเก็ตประเทศไทย โดย CEO Minor ยังได้เผยว่า โรงแรมในเครือ MINT ที่เป็นสถานที่ถ่ายทำถึง 4 แห่ง ก็ยังได้รับอานิสงส์เต็มๆ โดยมียอดจองโรงแรมเพิ่มขึ้นกว่า 40% และคาดว่าหลังซีรีส์ได้ออนแอร์นักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ Lisa Effect ยังสะเทือนไปถึงวงการ Art Toys พาราคาลาบูบู้ พุ่งขึ้นไป to the moon
จากความสําเร็จของลิซ่า ก็ถือได้ว่าเป็นความสําเร็จเเละความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน เพราะทุกครั้งที่ลิซ่าปรากฎตัวที่ไหน เธอจะไม่ลืมสอดเเทรกความเป็นไทยไปในทุกๆที่ เเละอาจกล่าวได้เลยว่าลิซ่าคือ soft power ของไทย
อ้างอิง :