KKR หรือ Kohlberg Kravis Roberts & Co. บริษัทการเงินและกองทุนบริหารหุ้นเอกชนขนาดใหญ่จากสหรัฐฯ ทุ่มเงินถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 28,795 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้น 20% ของธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ Singtel บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ เพื่อขยายธุรกิจศูนย์ข้อมูลในประเทศอาเซียน รวมไปถึงประเทศไทย
ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนมากเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลและต้องใช้ข้อมูลในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ธุรกิจศูนย์ข้อมูลกลายเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญและถือได้ว่าเป็นรากฐานของทุกธุรกิจในอนาคต ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่ธุรกิจดิจิทัลกำลังเติบโต ทั้งอีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีด้านการเงิน (fintech) และการสื่อสารโทรคมนาคม
โดยจากประกาศร่วมของ Singtel และ KKR ธุรกิจให้บริการศูนย์ข้อมูลในอาเซียนมีโอกาสเติบโตถึง 17% จากปัจจุบันในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 12% และน่าจะสามารถดึงเงินลงทุนได้อีกถึง 9 พัน ถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลาเดียวกัน
ดังนั้น KKR ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมทั่วโลกจึงตัดสินใจลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูลในอาเซียนซึ่งมี Singtel เป็นหนึ่งในผู้นำ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นของ Digital InfraCo หน่วยธุรกิจที่ Singtel จัดตั้งแยกขึ้นมาในเดือนมิถุนายนปี 2023 เพื่อดูแลธุรกิจในภาคส่วนนี้โดยเฉพาะ
จากประกาศของทั้ง 2 บริษัท การลงทุนในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ Singtel เข้าถึงทั้งเงินทุนในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และโอกาสใช้ข้อมูลและความเชี่ยวชาญของ KKR ในภาคส่วนดังกล่าวในการวางแผนการดำเนินธุรกิจด้วย
การลงทุนนี้ Singtel คาดว่า บริษัทจะสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนเพื่อรองรับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ ทั้งผ่านการเปิดศูนย์ข้อมูลเพิ่มในพื้นที่ และเพิ่มขนาดของศูนย์ข้อมูลที่มีในการดูแลให้ถึง 155-200 เมกะวัตต์ภายในปี 2025 จากในปัจจุบันที่มีอยู่ 62 เมกะวัตต์ โดยเมกะวัตต์ในที่นี้หมายถึงกระแสไฟที่ศูนย์ข้อมูลเข้าถึงได้ และยิ่งเข้าถึงกระแสไฟฟ้าได้มาก ศูนย์ข้อมูลนั้นจะรองรับการเก็บ ประมวลผล และแจกจ่ายข้อมูลต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น
Singtel คาดว่าการเข้าซื้อหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ จากข้อตกลงในดีล KKR อาจเลือกซื้อหุ้นเพิ่มได้อีก 5% เป็น 25% ในราคาที่ตกลงกันไว้ก่อนภายในปี 2027 ทำให้หากการลงทุนในครั้งนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดี Singtel ก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจอีกในอนาคต
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Singtel ปัจจุบัน Singtel มีศูนย์ข้อมูลทั้งในสิงคโปร์และต่างประเทศ โดยมีศูนย์ข้อมูลที่บริษัทเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดูแลประมาณ 8 แห่งในสิงคโปร์และฮ่องกง รวมไปถึงศูนย์ข้อมูลที่ Singtel เป็นพาร์ทเนอร์อีกประมาณ 50 แห่งใน 10 พื้นที่ทั่วโลก คือ ฮ่องกง ไทย อินเดีย มาเลเซีย สหรัฐฯ อังกฤษ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Singtel เพิ่งประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Gulf และ AIS ภายใต้ชื่อ GSA Data Center Company Limited (GSA) เพื่อก่อสร้างและดำเนินการศูนย์ข้อมูลใหม่ขนาด 20 เมกะวัตต์ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการและเปิดใช้ได้ในปี 2025
จากประกาศของ Singtel ศูนย์ข้อมูลนี้จะใช้ความเชี่ยวชาญของ 3 บริษัทในการสร้างศูนย์ข้อมูลที่ทั้งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการจัดเก็บและรองรับการประมวลผลข้อมูล ที่สามารถรองรับและให้บริการลูกค้าจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน และระบบในการจัดการการใช้พลังงานภายในศูนย์ข้อมูลที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นสิ่งที่ Gulf มีความเชี่ยวชาญ
นอกจากประเทศไทยแล้ว Singtel ยังกำลังเร่งพัฒนาศูนย์ข้อมูลขนาด 51 เมกะวัตต์ในอินโดนีเซียผ่านการร่วมมือกับบริษัท Telcom และ Medco Power ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2025 เช่นเดียวกัน
ที่มา: Reuters, The Strait Times, Singtel