เพิ่งเข้าสู่ปี 2024 ในสัปดาห์ที่2 แต่ยังคงมีเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์ควรรู้ เพื่อนำไปใช้ในธุรกิจให้ปังมากขึ้น SPOTLIGHT หยิบยกบทความจากคุณชวพล ฟ้าอำนวยผล หรือ ‘กัน’ – Chawapol Fahumnuayphol นักกลยุทธ์การตลาดอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลที่ดูแลแบรนด์ชั้นนำ ที่ออกมาเปิด 4 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ปี 2024 พร้อมเผยข้อมูลการช้อปปิ้งออนไลน์ของคนไทยที่ทะลุ 7 แสนล้านสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่ายอดขาย 7-11 ทุกสาขาทั้งปี
โดยข้อมูลสถิติในปี 2023 จากตลาดหลักทรัพย์ และ Statista บริษัทข้อมูลการตลาดและผู้บริโภคของชั้นนำของโลก พบว่า คนไทยมีการซื้อของออนไลน์สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าถึง 700,000 ล้านบาท โดยหากเทียบให้ได้เห็นภาพชัดๆ กับยอดขายของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่ใหญ่ที่สุดในไทยและมีสาขารวมกันมากกว่า14,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสถิติยังสอดคล้องกับของ McKinsey ที่คาดการณ์ว่ารายได้ช่องทาง E-commerce ไทย จะเติบโตมากถึง 25% ต่อปีไปอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็น 7 เท่าของ GDP การเติบโตของเศรษฐกิจของปีนี้ที่ 2% โดยหมวดหมู่ที่โตมากที่สุด คือ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และรองมา คือ หมวดสุขภาพและความงาม
“ ผมเชื่อว่า Marketplace เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทำเงินได้มหาศาล ที่ผ่านมาผมดูแลทั้งแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 10 แบรนด์ รวมถึงร้านค้าเล็กๆ ที่เริ่มจากศูนย์บนช่องทางออนไลน์ ซึ่งผมได้เปิดร้านค้าและทำการตลาดให้บน Lazada และ Shopee ผ่านไป 2 ปี ปัจจุบันร้านค้าดังกล่าวมียอดขายสูงถึง 7 - 8 หลักต่อเดือน ผมจึงเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์องค์กร (Brand) หรือร้านค้า (Online Seller) หากมีความรู้ความเข้าใจ วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ รู้เทรนด์ทันเกม และนำเทคนิคต่างๆ ในการทำตลาดออนไลน์มาปรับใช้ ก็สามารถสร้างรายได้อีกมากมายมหาศาล” คุณชวพล กล่าว

เปิด 4 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ปี 2024
ปี 2024 ถือเป็นปีที่การตลาดออนไลน์มาแรง ยอดขายน่าจะแซงปีที่แล้ว และไม่อยากให้ทุกคนพลาดโอกาส จึงขอคัดเลือก 4 กลยุทธ์ฉ่ำๆ เด็ดๆ ในปี 2024 เพื่อสร้างรายได้กันอีกช่องทาง ได้แก่
1.ลุย TikTok เต็มกำลัง ใครเริ่มก่อนได้เปรียบ ด้วยเหตุผลหลักๆ ที่ว่า
- ปี 2024 อีคอมเมิร์ซบน TikTok จะเติบโตเร็วที่สุดเทียบกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆ เพราะพลังของ KOL ที่สามารถกระตุ้นยอดขายได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า
- เครื่องมือที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญสำหรับปี 2024 คือ โปรแกรม TikTok Affiliate ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคซื้อง่ายยิ่งขึ้น โปรแกรมส่งฟรี (TikTok Free Shipping) นอกจากนั้น ค่าคอมของ TikTok ที่ต่ำกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ (Minimal Commission) จะทำให้แบรนด์หรือร้านค้าออนไลน์มีกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
- คนไทยชอบรับข่าวสารด้วยวิดีโอมากกว่าการอ่าน และ TikTok เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
- TikTok Live เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นยอดขาย เพราะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างใกล้ชิดและสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม
- ค่าโฆษณาบน TikTok ต่ำกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Facebook ถึง 10 เท่า
- TikTokกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่ม ยกตัวอย่างแบรนด์ที่อยู่ในกลุ่ม Premium Mass หรือ Premium ก็ขายดีบน TikTok ด้วยเช่น Samsung Thailand, Estee Lauder, Yves Saint Laurent, Kiehl’s และ Dyson สรุปคือเริ่มเปิด TikTok ก่อนได้เปรียบ
2.ใช้ Marketplace อย่าง Lazada และ Shopee อย่างชาญฉลาด
- ควรจัดโปรโมชันในช่วง CBMO (Crazy Brand Maga Offer) เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะรอคอยเพื่อซื้อสินค้าในช่วงนี้ ทำให้ร้านค้ามีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ถึง 30-40% ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เที่ยงคืน - ตี 2 ของวัน D-Day เช่น 11-11, 12-12 เป็นต้น
- แบ่งงบประมาณทำ CPAS (Collaborative Performance Advertising Solution) เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้ามาดูสินค้าบนแพลตฟอร์ม หรือ Add to cart
- ให้ความสำคัญกับ ROAS (Return on Ad Spend) หรือ รายได้จากค่าโฆษณาที่ยิงออกไป อธิบายง่ายๆ คือ ยิงโฆษณา 1 บาท จะได้ยอดขายกี่บาท คือถ้ากำหนด ROAS = 5 หมายความว่า ยิงโฆษณา 1 บาท ควรจะได้ยอดขายคืนมา 5 บาท
- ต้องคำนวณ Breakeven ROAS เป็นตัวเลขที่สำคัญมาก เพราะจะบ่งบอกว่าร้านค้าจำเป็นต้องได้ยอดขายคืนมาเท่าไรจากค่าโฆษณา 1 บาท จึงจะคุ้มทุน ยกตัวอย่าง ครีมกันแดด มีราคาขายปลีกอยู่ที่ 100 บาท มีต้นทุนขาย (COGS) อยู่ที่ 35 บาท ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม 5 บาท และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 5 บาท รวมเป็นต้นทุนทั้งหมด 40 บาท
- หากแบรนด์ต้องการให้ไม่ขาดทุน จะต้องคำนวณโดยเอา ราคาขาย (100 บาท) หารด้วย ต้นทุนทั้งหมด (40 บาท) จะได้ Breakeven ROAS เท่ากับ 2.5 แสดงว่า เวลาแบรนด์หรือร้านค้ายิงโฆษณา 100 บาท ต้องได้ยอดขาย คืนมา 250 บาท จึงจะไม่ขาดทุน
3.เริ่มทำ DTC (Direct-to-consumer) หรือเว็บไซต์ Brand.com ของตัวเอง
- จากการสำรวจของGoogle พบว่าผู้บริโภคเริ่มสนใจซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ Brand.com เพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคเชื่อว่า การซื้อจาก Brand.com จะได้บริการหลังการขายที่ดีกว่า การรับประกันที่แพลตฟอร์มออนไลน์ไม่มีให้ มีความมั่นใจว่าสินค้าเป็นของแท้ และประสบการณ์การซื้อที่ดีกว่า
- ช่วยให้แบรนด์สามารถขายสินค้าได้ราคาแพงกว่าช่องทางอื่นๆ ได้ 20% และไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้กับแพลตฟอร์ม
- ช่วยให้แบรนด์มีข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งสามารถมาทำ Customer Insight และ CRM ได้ภายหลัง
4.ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ
เช่น Bard ซึ่งเป็น AI ตัวใหม่ของค่าย Google ที่ฉลาดไม่แพ้กับ Chat-GPT 4.0 หรือ ChatGPT แบบ Premium หรือ Co-pilot ของ Microsoft ซึ่งอีกไม่นานเกินรอ จะมี Google Gemini ตัวใหม่ที่พัฒนาได้เจ๋งมากขึ้น เพิ่มความเร็วในการแก้ปัญหา สามารถทำภาพ ทำ Report ให้ข้อมูล และพัฒนาด้านการเขียนโค้ดมากขึ้นไปอีกขั้น


ด้านของร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายย่อยมี4เทคนิคเสริม
หากต้องการนำสินค้ามาลงบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
- ต้องทำให้ลูกค้าหาสินค้าเราให้เจอ โดยใช้คำค้นหาที่ลูกค้าใช้ ไม่ใช่คำที่เราใช้ เช่น คำว่า ‘กางเกงยีนส์สาวอวบ’ จะค้นเจอง่ายกว่า คำว่า ‘ยีนส์ไซต์ใหญ่’ เพราะเป็นคำค้นหายอดฮิตของลูกค้า และควรใส่คำค้นหาที่อธิบายคุณสมบัติของสินค้าให้ชัดเจน และสื่อถึงประโยชน์ของสินค้า
- ทำภาพให้หยุดที่ปลายนิ้ว โดยใช้สีสันสะดุดตา ใช้ภาพที่มีองค์ประกอบโดดเด่น หรือดึง pain points ของลูกค้าขึ้นมา เช่น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ระคายเคือง
- ยิงโฆษณาบน Lazada และ Shopee ก่อน กรณีที่ขายสินค้าบนสองแพลตฟอร์มนี้เป็นหลัก เพราะจะได้ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) ที่ดีกว่า และประหยัดเงินมากกว่าบน Facebook
- ใช้เทคนิค Bundle Deal และ Add-on Deal เพื่อเสนอส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อสินค้าร่วมกันหลายชิ้น
สิ่งสำคัญที่มักมองข้าม คือ การเปลี่ยนชื่อสินค้าบน Marketplace ให้เข้ากับเทศกาลก็ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ เช่น ของขวัญปีใหม่ ชุดเทศกาลสงกรานต์ หรือ ปรับภาพและแจกของแถมให้เข้ากับ เทศกาลฟุตบอลยูโร (ช่วงเดือนมิถุนายน 2567) หรือกีฬาโอลิมปิก (ช่วงเดือนกรกฎาคม 2567) เป็นต้น
สำหรับ คุณชวพล ฟ้าอำนวยผล หรือ ‘กัน’ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากลยุทธ์การตลาดให้กับแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ , เป็นอาจารย์พิเศษวิชา Digital Marketing ปริญญาโท ภาคภาษาอังกฤษที่ College of Management มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เพื่อพัฒนานักการตลาดรุ่นใหม่ ,เจ้าของหนังสือ ‘เคล็ดลับที่ร้านขายดีใน Lazada และ Shopee ไม่อยากบอก’ ติดอันดับ Top5หนังสือขายดีBestSellerด้ามารถติดตามได้ที่ https://www.linkedin.com/in/gun-chawapol/