Counterpoint Research เผยรายงานยอดขายกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าปีนี้เพิ่มขึ้นสูง จากการเติบโตที่สูงมากในประเทศจีน และความต้องการของของรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่ง โดยยอดขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมกันเพิ่มขึ้น 18% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบจากช่วงเดียวกันในปี 2023 ซึ่งยอดขาย PHEV เพิ่มขึ้นสูงถึง 46% ในขณะที่ BEV เพิ่มขึ้นเพียง 7%
Abhik Mukherjee นักวิเคราะห์วิจัย เผยในรายงานว่า สาเหตุที่ความต้องการของ PHEV เพิ่มขึ้นสูงแซงหน้า BEV ไปได้ มาจากค่าธรรมเนียมล่วงหน้าที่ถูกกว่าของ PHEV เมื่อเปรียบเทียบกับ BEV และความพร้อมของถังเชื้อเพลิงที่ช่วยลดความวิตกกังวลในระยะทาง
นอกจากนี้ PHEV ยังมีตัวเลือกขนาดและรุ่นของรถมากกว่าทั้งซีดาน SUV และครอสโอเวอร์ โดยรถ SUV ยังเป็นที่นิยมสำหนับกลุ่ม PHEV มากที่สุดด้วย ซึ่งการซื้อรถ PHEV ระดับกลางเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากราคาต่ำกว่ารถ BEV ส่วนใหญ่
ซึ่งบริษัทยานยนต์จีนได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่จำหน่ายทั้งรถยนต์ BEV และ PHEV โดยยอดขาย EV ในจีนเพิ่มขึ้น 28% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบจากช่วงเดียวกันในปี ท่ามกลางสงครามราคาที่ทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคลดลง
โดยเฉพาะ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน มียอดขายรถ PHEV เพิ่มขึ้น 7% หรือเกือบหนึ่งในสามของตลาด PHEV ทั่วโลก ตามมาด้วย Geely Holdings และ Li Auto ซึ่ง BYD ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึง BYD เกือบ 100,000 คัน ด้วยการเติบโตมากถึง 152% YoY โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาสูงเป็นอันดับสองของโลก ตามมาด้วยยุโรปอันดับสาม แต่ในขณะเดียวกัน ยอดขาย EV โดยรวมในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 2% และยอดขาย BEV ลดลง 3% ในไตรมาสดังกล่าว
โดย Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ผลิตเฉพาะ BEV เท่านั้น มียอดขายลดลง 9% ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา แต่ยังคงมียอดขายรถยนต์ BEV สูงที่สุดด้วยส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 19% rsในขณะที่ BYD และ Volkswagen มีส่วนแบ่งที่ 15% และ 6% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ผลิต BEV สามอันดับแรก มีเพียง BYD เท่านั้นที่มีการเติบโต โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 13% ในขณะที่ยอดขายของ Tesla และ Volkswagen ลดลง 9% และ 4% ตามลำดับ
รองผู้อำนวยการ Liz Lee แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดว่า ในปีนี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่สัญญาณของการชะลอตัวก็ปรากฏให้เห็นเช่นกัน และการเติบโตต่อปีอาจลดลงต่ำกว่า 20% ซึ่งความสนใจของกลุ่ม early adopters ที่ลดลงบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในพลวัตของผู้บริโภคไปสู่ตลาดมวลชนในระยะยาว และการพัฒนาระยะใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ที่มา Counterpoint Research