มูเตลู กับเคล็ดลับทำการตลาดสายมูให้ปัง! เสริมดวงธุรกิจให้รุ่ง

ความเชื่อเรื่องโชคลางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนั้น ผลสำรวจล่าสุดยืนยันว่า กว่า 88% ของคนไทยยังคงยึดมั่นในความเชื่อเหล่านี้ โดยมองว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปสำรวจโลกของมูเตลูในสังคมไทย ตั้งแต่ความหลากหลายของวิธีการมูที่แตกต่างกันไปในแต่ละเจเนอเรชัน ไปจนถึงการนำกลยุทธ์มูเก็ตติ้งมาปรับใช้ในธุรกิจต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ พร้อมไขเคล็ดลับการนำมูเตลูมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ SME ให้ประสบความสำเร็จ แม้ไม่ได้ขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อโดยตรง

มูเตลู กับเคล็ดลับทำการตลาดสายมูให้ปัง! เสริมดวงธุรกิจให้รุ่ง

การมูเตลูใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความเปลี่ยนแปลง เช่น การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกไม่มั่นคงและวิตกกังวลมากขึ้น การหันหน้าเข้าพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพิธีกรรมต่างๆ จึงกลายเป็นเครื่องมือในการรับมือกับความเครียดและสร้างความหวังให้กับชีวิต

วิธีการมูเตลูก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูดวงเพื่อทำนายอนาคต การทำบุญเพื่อเสริมสร้างบุญบารมี การใช้เครื่องรางของขลังเพื่อป้องกันภัย หรือแม้แต่การเลือกใช้สีมงคลในชีวิตประจำวัน เช่น การใส่เสื้อผ้าสีมงคลในวันสัมภาษณ์งาน หรือการเลือกสีรถที่เชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ โดยแต่ละเจเนอเรชันก็มีสไตล์การมูที่แตกต่างกันไป อาทิ

• Gen X (อายุ 43-58 ปี): ให้ความสำคัญกับการสวดมนต์ไหว้พระ ขอพรเรื่องสุขภาพและกำลังใจในการใช้ชีวิต
• Gen Y (อายุ 27-42 ปี): เปิดรับการมูทุกรูปแบบ หากถูกใจก็พร้อมลอง
• Gen Z (อายุ 11-26 ปี): ชอบการมูแบบมินิมอล เน้นความทันสมัยและความสวยงาม

ไม่เพียงแต่คนทั่วไป แม้แต่ผู้ที่ทำงานในแวดวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ยังมีวิธีมูในแบบของตัวเอง เช่น การเลือกใส่เสื้อผ้าสีมงคลในวันที่ต้องนำเสนองานสำคัญ หรือการตั้งวอลเปเปอร์เสริมดวงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุนี้ นักการตลาดจึงไม่สามารถมองข้ามพลังของมูเตลูได้อีกต่อไป ธุรกิจต่างๆ เริ่มนำกลยุทธ์มูเก็ตติ้ง (Muketing) มาใช้ในการสื่อสารและสร้างแบรนด์ โดยนำเสนอสินค้าและบริการที่ผสานความเชื่อเข้าไป เช่น เครื่องประดับสายมูที่มีการออกแบบที่สวยงามและมีความหมายแฝงทางโชคลาง หรือแอปพลิเคชันดูดวงที่นำเสนอคำทำนายในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและทันสมัย

เมื่อความเชื่อกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ธุรกิจไทย

เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนไทยถึงชอบมูเตลูกันจัง? จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อนะ แต่เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดในวันที่ชีวิตเจอเรื่องหนักๆ หรือไม่ก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาที่รู้สึกไม่มั่นคง ลองนึกภาพตามสิ เวลาเครียดๆ การได้ดูดวงหรือทำบุญมันก็ช่วยให้ใจเราสงบลงได้เหมือนกันนะ แถมราคาค่าครูยังถูกกว่าค่าปรึกษาจิตแพทย์เยอะเลย! นี่แหละที่ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับความเชื่อแบบนี้บูมสุดๆ

ไม่ใช่แค่คนไทยที่อินกับเรื่องนี้นะ แม้แต่เพื่อนบ้านอย่างจีนก็ยังชอบเครื่องรางของขลังของไทยมากๆ เลยนะ โดยเฉพาะพระเครื่องเนี่ย ของมันต้องมี! รู้แบบนี้แล้วหลายๆ ธุรกิจก็เลยไม่รอช้า รีบคว้าโอกาสทองนี้มาต่อยอดธุรกิจของตัวเองกันยกใหญ่ อย่างตู้กด ART TOY พระเครื่องนี่ก็ไอเดียเก๋ไม่เบาเลยนะ แล้วธุรกิจไทยเค้าเอากระแสมูเตลูมาใช้ยังไงบ้างล่ะ?

กลยุทธ์มูเก็ตติ้งที่เพิ่มมูลค่าได้อย่างสร้างสรรค์

สำหรับนักการตลาดไทยต่างนำกลยุทธ์มูเก็ตติ้งมาปรับใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการอย่างสร้างสรรค์ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ

• FRESHLUCK: ยาดมธรรมดาที่ไหนจะสู้ยาดมสายมูได้! แค่เปลี่ยนแพ็กเกจให้ดูขลังขึ้นหน่อย คนก็พร้อมเปย์แล้ว
• KARAVA: ใครว่าวัตถุมงคลต้องเชย? เค้าจับมาแปลงโฉมให้ดูโมเดิร์นขึ้น แถมยังขายได้ราคาดีอีกด้วย
• Ravipa: เครื่องประดับธรรมดาจะไปสู้เครื่องรางสุดปังได้ยังไง เพิ่มความหมายดีๆ เข้าไปหน่อย ยอดขายก็พุ่งกระฉูด

แต่ที่พีคกว่านั้นคือ แบรนด์ที่ไม่ได้ขายของเกี่ยวกับความเชื่อโดยตรงก็ยังเอากระแสมูเตลูมาเล่นได้ด้วยนะ

• อาร์ตทอยสายมู: ตุ๊กตาน่ารักๆ ที่มากับดีไซน์เทพๆ แถมยังมาในรูปแบบกล่องสุ่ม ใครจะอดใจไหว
• Tinder X Central: แอปหาคู่ก็ไม่น้อยหน้า จัดแคมเปญแจกชุดไหว้พระตรีมูรติเอาใจคนโสดสายมูไปเลยจ้า

SME ไม่ขายสายมู ก็ปังได้ด้วยกลยุทธ์มูเก็ตติ้ง!

แม้ธุรกิจของคุณจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความเชื่อหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่การเข้าใจและนำกลยุทธ์มูเก็ตติ้ง (Muketing) มาปรับใช้สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและความมั่นคงทางจิตวิญญาณ

กำหนดกลุ่มเป้าหมายและวางตำแหน่งทางการตลาดอย่างแม่นยำ

แม้ตลาดมูเตลูจะมีกลุ่มเป้าหมายที่กว้าง แต่การทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจจะช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

• กลุ่ม Gen X: เน้นการสื่อสารถึงคุณค่าของสินค้าและบริการที่ส่งเสริมความมั่นคงในชีวิตและสุขภาพที่ดี
• กลุ่ม Gen Y: นำเสนอโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่หลากหลาย ตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของกลุ่มนี้
• กลุ่ม Gen Z: ออกแบบสินค้าและบริการให้มีความทันสมัย น่าสะสม และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

ใช้ Influencer Marketing เพื่อสร้างการรับรู้

การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายมูที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าสินค้าหรือบริการของคุณจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเชื่อโดยตรงก็ตาม

ผสานองค์ประกอบความเชื่อเข้ากับสินค้าและบริการ

การเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เช่น การใช้สีมงคล สีประจำวันเกิด หรือสัญลักษณ์มงคลในการออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ สามารถเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับสินค้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของผลิตภัณฑ์

จัดแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลสำคัญ

เทศกาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เช่น ตรุษจีน สงกรานต์ หรือวันสำคัญทางศาสนา เป็นโอกาสที่ดีในการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่เชื่อมโยงกับความเชื่อและค่านิยมของผู้บริโภค การร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ หรือการสร้างแคมเปญที่สะท้อนถึงความเป็นมงคลในช่วงเทศกาลต่างๆ สามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การนำกลยุทธ์มูเก็ตติ้งมาปรับใช้อย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้ธุรกิจ SME เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลัก แต่เป็นการใช้ความเข้าใจในพฤติกรรมและความเชื่อของผู้บริโภคมาสร้างสรรค์กลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

สุดท้ายนี้ มูเก็ตติ้งไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นการทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการทางจิตใจของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เป็นการนำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านการใช้งาน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความรู้สึกดีให้กับผู้คนในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความเปลี่ยนแปลง

ที่มา Krungsri Business Empowerment