ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การชำระเงินผ่าน QR code ก็กำลังกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยของการสแกนจ่าย ทำให้ QR code ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่การเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมยังมีข้อจำกัด บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจการเติบโตของการชำระเงินผ่าน QR code ในภูมิภาคนี้ พร้อมทั้งเจาะลึกตัวอย่างที่น่าสนใจจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
โตเกียว/สิงคโปร์/กรุงเทพฯ/กัวลาลัมเปอร์ - การชำระเงินผ่านการสแกน QR โค้ดด้วยสมาร์ตโฟนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศอย่างมาเลเซียและกัมพูชามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกรรมดังกล่าว
การชำระเงินผ่าน QR เริ่มแพร่หลายในภูมิภาคนี้เมื่อหลายปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนได้แก่ สัดส่วนประชากรที่มีบัญชีธนาคารต่ำ เครือข่ายตู้เอทีเอ็มในเขตชนบทมีอยู่อย่างจำกัด และการเข้ามาของสมาร์ตโฟนราคาประหยัด แนวโน้มนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากการเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามพรมแดน
ในกัมพูชา การชำระเงินผ่าน QR เพิ่มขึ้น 29% ในปี 2023 คิดเป็นประมาณ 601 ล้านธุรกรรม ตามข้อมูลของธนาคารกลาง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในระยะเวลาเพียงสามปี เมื่อเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางกัมพูชาได้เปิดตัวระบบชำระเงินผ่านมือถือ Bakong Tourists ซึ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสดและส่งเสริมการใช้สกุลเงินเรียลกัมพูชา
Bakong Tourists ได้รับการพัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานของระบบชำระเงินดิจิทัล Bakong ซึ่งเปิดตัวในปี 2020 และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง การทำธุรกรรมผ่าน Bakong Tourists สามารถดำเนินการได้ผ่าน KHQR ซึ่งเป็นมาตรฐาน QR โค้ดของประเทศ
"สำหรับการชำระเงินผ่าน KHQR เรามีจุดให้บริการรองรับมากถึง 3.3 ล้านแห่งทั่วประเทศ ในพนมเปญและเสียมราฐ แม้แต่ผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าริมทางก็สามารถรับชำระเงินผ่าน QR โค้ดได้" Chea Serey ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวในพิธีเปิดตัว Bakong Tourists ณ เมืองเสียมราฐ ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
นาย Sam Nang มัคคุเทศก์วัย 37 ปีประจำเสียมราฐ ซึ่งมีชื่อเสียงจากนครวัด มรดกโลก ได้แสดงความเห็นต่อ Nikkei Asia ว่า Bakong Tourists "เป็นแนวคิดที่ดีในการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินแก่นักท่องเที่ยว" แม้ว่าเขาจะยังไม่พบเห็นนักท่องเที่ยวใช้งานจริงก็ตาม นอกจากนี้ เขายังเสนอว่า "การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับแอปพลิเคชันสำหรับนักท่องเที่ยวนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ"
สำหรับประเทศมาเลเซีย DuitNow QR ซึ่งเปิดตัวในปี 2019 โดย Payments Network Malaysia หรือที่รู้จักกันในชื่อ PayNet ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศการชำระเงินดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia) ระบุว่า ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ มีการทำธุรกรรมผ่าน DuitNow QR จำนวน 1.5 พันล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.37 พันล้านริงกิต (320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้น 64% และ 37% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
DuitNow QR สามารถใช้งานร่วมกับระบบการชำระเงินในประเทศอาเซียนอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานชาวมาเลเซียสามารถสแกน QR โค้ดจากระบบ QRIS ของอินโดนีเซีย NETS ของสิงคโปร์ PromptPay ของไทย หรือ Alipay ของจีน เพื่อชำระเงินในต่างประเทศได้ ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนมาเลเซียก็สามารถสแกน DuitNow QR ได้เช่นกัน
Farhan Ahmad ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ PayNet กล่าวกับ Nikkei Asia ว่า "เรากำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการรับรู้และขยายช่องทางการเชื่อมต่อ QR โค้ดข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายย่อยและนักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะ PayNet มุ่งมั่นที่จะเป็นช่องทางการค้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด"
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีการชำระเงินแบบดิจิทัลมาใช้ ระบบ PayNow ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 ได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ช่วยให้การโอนเงินแบบเรียลไทม์เป็นไปได้ตลอดเวลา จากข้อมูลของสมาคมธนาคารแห่งสิงคโปร์ ในปี 2023 ระบบนี้มีปริมาณธุรกรรมสูงถึง 437 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 157 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 41% และ 28% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วและการยอมรับอย่างกว้างขวางของการชำระเงินดิจิทัลในสิงคโปร์
ในเดือนเมษายน 2564 สมาคมธนาคารได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ด้วยการเชื่อมโยงระบบชำระเงิน PayNow ของสิงคโปร์ เข้ากับระบบ PromptPay ของไทย การเชื่อมต่อนี้ช่วยให้ลูกค้าของธนาคารทั้งสองประเทศ สามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นับเป็นก้าวสำคัญของโลก ในการเชื่อมโยงระบบชำระเงินทันทีข้ามพรมแดน
ปัจจุบัน PayNow ไม่ได้เป็นเพียงระบบชำระเงิน แต่ยังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพและบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ โดยมีธนาคารและบริษัทฟินเทคเข้าร่วมทั้งหมด 27 แห่ง รวมถึง Grab บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเรียกรถและบริการส่งอาหาร
ประเทศ | มาตรฐาน QR โค้ดแบบรวมศูนย์ | เริ่มใช้งานตั้งแต่ |
ไทย | Thai QR Payment | 2560 |
สิงคโปร์ | SGQR | 2561 |
อินโดนีเซีย | QRIS | 2562 |
ฟิลิปปินส์ | QR Ph | 2562 |
มาเลเซีย | DuitNow QR | 2562 |
เวียดนาม | VietQR | 2564 |
กัมพูชา | KHQR | 2565 |
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา Wise บริษัทโอนเงินและชำระเงินชั้นนำจากสหราชอาณาจักร ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย PayNow ทำให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินด้วย QR code ได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชันของ Wise คุณ Shrawan Saraogi หัวหน้าฝ่ายขยายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Wise กล่าวว่า การเชื่อมต่อนี้ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ในร้านค้าเล็กๆ หรือศูนย์อาหาร ที่ปกติไม่รับบัตรเครดิต
“มีหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่การชำระเงินด้วย QR code เป็นเรื่องธรรมดา” Saraogi กล่าว “เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการในตลาดเหล่านี้” ในขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ขยายการครอบคลุมของ PromptPay ไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และกำลังสร้างความเชื่อมโยงนอกเหนือจากอาเซียนไปยังประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกับไทย โดยเฉพาะประเทศที่มีแรงงานข้ามชาติและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ในปี 2566 จำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งาน PromptPay พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 77.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านคนจากปีก่อนหน้า และมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 129,000 ล้านบาท (3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อวัน ด้าน อินโดนีเซียและเวียดนามก็มีการเติบโตของการชำระเงินด้วย QR code เช่นกัน จากข้อมูลของธนาคารกลางอินโดนีเซีย ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ QRIS ซึ่งเป็น QR code แบบรวมของประเทศ เติบโตขึ้น 226% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยมีผู้ใช้และร้านค้ารวม 50 ล้านและ 32 ล้านรายตามลำดับ
ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามประกาศว่า ธุรกรรม QR code ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้น 104.23% ในด้านปริมาณ และ 99.57% ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ในฟิลิปปินส์ ธุรกรรมการชำระเงินดิจิทัลแตะ 2.6 พันล้านครั้งในปี 2566 เพิ่มขึ้น 28.1% จากปีก่อนหน้า จากข้อมูลของธนาคารกลาง ธุรกรรม QR code ผ่าน QR Ph ซึ่งเป็นรหัสแบบรวมของประเทศ พุ่งสูงถึง 73.8 ล้านครั้งในปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 17.2 เท่าจากปี 2565
การชำระเงินผ่าน QR code กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่แค่ในมาเลเซียและกัมพูชาเท่านั้น แต่ประเทศไทยเราก็ไม่น้อยหน้า ด้วย PromptPay ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี กำลังเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสด
ตัวเลขผู้ใช้ PromptPay ที่พุ่งสูงถึง 77.2 ล้านคนในปี 2566 และมูลค่าธุรกรรมมหาศาลกว่าแสนล้านบาทต่อวัน เป็นเครื่องยืนยันความนิยมอย่างท่วมท้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อ PromptPay เข้ากับ PayNow ของสิงคโปร์ ยังเป็นการเปิดประตูสู่การทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่ง่ายและสะดวก ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับดิจิทัล และภาคธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
อย่างไรก็ตาม แม้ QR code จะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องใส่ใจเพื่อให้การใช้งานราบรื่นและปลอดภัย เช่น การให้ความรู้แก่ผู้ใช้ทุกกลุ่ม การพัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
ในอนาคต เราอาจได้เห็นการพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องกับ QR code มากขึ้น ทั้งการเชื่อมต่อกับระบบชำระเงินต่างประเทศ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพิ่มความปลอดภัย หรือการนำ QR code ไปใช้ในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ
PromptPay ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสะดวกสบาย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเงินของประเทศไทย การที่เราก้าวทันเทรนด์การเงินโลก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของคนไทยง่ายขึ้น แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย
ที่มา nikkeiasia