มีนักลงทุนหลายคนตั้งคำถามว่า การลงทุนในหุ้นไทยยังมีหวังอยู่หรือไม่? เพราะที่ผ่านมา 10 ปี ดัชนีหุ้นไทย ดูเหมือนจะไม่เดินหน้าไปไหน
กลายเป็นตลาดที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ลงทุนได้ดีนักหากเทียบกับตลาดต่างประเทศ แถมตลาดบ้านเรายังมีสารพัดข่าวลบมาบั่นทอนความเชื่อมั่นในการลงทุนหุ้นไทยต่อเนื่อง
แต่เราก็ไม่สามารถเหมารวมแง่ลบกับการลงทุนในหุ้นไทยได้ทั้งหมด
เพราะจากข้อมูลที่ SPOTLIGHT รวบรวมการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นไทย พบว่า ในรอบ1ปี ก็ยังมีหลายกองทุนให้ผลตอบแทนเป็นบวกที่น่าสนใจ
อินโฟกราฟฟิกนี้บอกอะไรกับเรา ?
กองทุน K-ICT ที่ทำผลตอบแทนดีอันดับ 1 ลงทุนในหุ้น ADVANC เป็นสัดส่วนมากถึง 42% ของทรัพย์สินทั้งหมด
ส่วนกองทุน PRINCIPAL TDIF-X ก็มีสัดส่วนลงทุนในหุ้น ADVANC เช่นเดียวกัน
แล้วมันบอกอะไรกับเรา ?
มันบอกว่า หุ้นที่มีคู่แข่งน้อยราย มีรายได้สม่ำเสมอ ทำผลงานได้ดีกลางตลาดหุ้นไทยที่ย่ำแย่
ส่วนกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีรองลงมา คือกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ตอนนี้มีราคาไม่แพง และจ่ายปันผลดีถึงดีมาก อย่างเช่น
กองทุน ES-FINANCETH, BTK และ KFFIN-D แบบที่เราเห็นในภาพ
ส่วนกองทุนที่เหลือที่ทำผลงานได้ดีก็เน้นลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งก็มีหุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ในนั้น
เรื่องทั้งหมดนี้กำลังบอกเราว่า หุ้นไทยที่ทำผลงานได้ดีตอนนี้ คือหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลได้สูง ราคาไม่แพง และ ยังจ่ายปันผลได้อีกในอนาคต
ส่วนหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำผลงานได้ดีก็คือหุ้นที่ธุรกิจแข็งแรง และจ่ายปันผลได้
เพราะอย่างนั้นบทสรุปของการลงทุนหุ้นไทยช่วงนี้ ก็คือ หุ้นที่คนมองว่าน่าเบื่อ จ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ ราคาไม่แพง กำลังทำผลงานได้ดี
ส่วนหุ้นเติบโตที่เคยทำผลตอบแทนได้ดีก่อนหน้านี้ ภาพที่ออกมาดันกลายเป็นหนังคนละม้วนกับช่วงก่อนหน้า จากปัญหาเรื่องฟอร์ซเซล และ ความเชื่อมั่นที่หายไปจากตลาดหุ้นไทย
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า หุ้นหลายตัวที่ถูกทำโทษลงมานี้ จริง ๆ แล้วตลาดกำลังเข้าใจผิดจนตื่นตระหนกมากเกินไป
หรือจริง ๆ แล้วจะเป็นเพราะว่า หุ้นบางตัวควรจะถูกปรับมูลค่าให้เหมาะสมตามการเติบโต และ ความแข็งแกร่งที่ลดลงไป
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา: finnomena.com, Fund Fact Sheet ของแต่ละ บลจ.