ตลาดหุ้นไทย 31 มีนาคม 2568 เช้าวันแรกหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวร่วงลง 12 จุด ขณะที่ 6 หน่วยงานภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยร่วมแถลงข่าวสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย
บรรยากาศตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดที่ 1,163.41 จุด ลดลง 12.04 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 3,645 ล้านบาท
ขณะที่เช้าวันนี้ 6 หน่วยงานสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) , สภาวิศวรกร , สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมแถลงข่าวชี้แจงสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในรอบร้อยปี เมื่อวันศุกร์ ที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 6 หน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องในด้านเศรษฐกิจและการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม ด้านภาคการผลิต การส่งออก และการท่องเที่ยว รวมทั้งด้านตลาดเงินและตลาดทุนมาพร้อมกัน เพื่อนำเสนอสถานการณ์และข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนและสาธารณชนได้รับทราบ
เริ่มที่ ผศ.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร ยืนยันว่า การตรวจสอบระบบโครงสร้างพื้นฐานของอาคารสูงทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีการร้องขอให้ไปตรวจสอบ 13,000 ราย ตรวจสอบแล้วราว 10,000 ราย มีเพียงแค่ 1-2 อาคารเท่านั้นที่ถูกจัดว่าอันตรายในกลุ่มสีแดง ที่เหลือเกือบทั้งหมดอยู่ในกลุ่มสีเขียว ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยมาก ประชาชนสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ และในวันนี้จะมีการเข้าไปตรวจสอบที่เหลืออีกประมาณ 3,000 แห่งให้แล้วเสร็จ ซึ่งการตรวจสอบมีทั้งจากภาพถ่ายและลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ตามกฏหมายแล้วการก่อสร้างอาคารต่างๆถูกออกแบบตามมาตรฐานวิศวกรรมที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ สำหรับความรับผิดชอบของการดูแลอาคารต่างๆในกรุงเทพฯขณะนี้มี 2 หน่วยงานร่วมมือช่วยกันทำงานได้แก่ กรุงเทพมหานคร และ กรมโยธาธิการ ซึ่งมีวิศวกรที่สามารถตรวจสอบอาคารได้ทั่วประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 2 แสนคน และเป็นวิศวกรอาสา 2,600 คน ดังนั้นมีความเพียงพอที่จะเข้าตรวจสอบความปลอดภัยให้กับอาคารของทุกภาคส่วนได้อย่างแน่นอน และเสนอให้ตรวจสอบหลังเกิดเหตุการณ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์จากนี้ด้วย
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา แม้ในช่วงแรกเครื่องจักรบางส่วนจะต้องหยุดทำการเมื่อเกิดเหตุการณ์ทันที แต่ขณะนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว ยืนยันว่า ประเทศไทยยังสามารถผลิตและส่งออกสินค้าได้เป็นปกติ รวมถึงการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเสร็จก็ยังดำเนินการเหมือนเดิมทุกประการ
นอกจากนี้ผลการสำรวจความเสียหายอุตสหากรรมไทยที่ไปลงทุนในเมียนมา พบว่า มีไม่มากนักเพราะส่วนใหญ่อยู่ห่างออกจากมัณฑะเลย์ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มาก นอกจากนี้การค้าชายแดนยังสามารถดำเนินการได้เป็นปกติ และคาดว่า จะมีความต้องการสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค และ การก่อสร้างเพื่อไปซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน จากผู้ประกอบการไทยเพิ่มมากขึ้นด้วยหลังจากนี้
ส่วนในภาคการท่องเที่ยว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาชน นักท่องเที่ยว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รัฐบาลเฝ้าประเมินสถานการณ์ ตรวจสำรวจอาคาร สถานที่และช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยปลอดภัยเที่ยวไทยได้อย่างมั่นใจแน่นอน
ด้านนางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันเช่นกัน ระบบการชำเงินของของประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ระบบยังสามารถทำงานได้ปกติทั้ง ระบบบาทเนต และ mobile Banking Application พร้อมเพย์ ของทุกธนาคาร รวมทั้งระบบเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ดำเนินการได้ปกติ เช่นเดียวกับการให้บริการของสถาบันการเงินแก่ลูกค้าประชาชนและภาคธุรกิจ อาจมีกระทบบ้างเป็นส่วนของอาคารสถานที่เท่านั้น แต่ระบบยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงินพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ประสบภัย เช่นเดียวกับที่เคยให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษเมื่อเกิดอุทกภัยในปี 2567 โดยได้มีการผ่อนปรนเกณฑ์บางด้านรองรับไว้แล้ว และนักลงทุนต่างประเทศไม่ได้สอบถามหรือกังวล แต่ส่วนมากเป็นห่วงมากกว่า
ขณะที่นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ความเชื่อมั่นว่า สำนักงาน คปภ. จะดูแลการเบิกจ่ายสินไหมให้รวดเร็วและเป็นธรรม และได้จัดตั้งศูนย์เพื่อช่วยเหลือด้านการประกันภัยเชิงรุก ประชาชนสามารถติดต่อสายด่วน คปภ. 1186 และทาง Chatbot @oicconnect ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนอาคาร สตง.ที่ได้ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว มีการทำประกันภัยไว้กับ 4 บริษัทประกันของไทย และทราบว่า4บริษัทประกันภัยได้มีการประกันภัยต่อ (reinsure) กับบริษัทประกันภัยต่างประเทศ ทุนประกันอยู่ที่ 2,136 ล้านบาท ประเมินว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของบริษัทประกันภัยของไทยซึ่งมีความเข้มแข็งอยู่ในระดับที่มั่นคงสูง และเงินกองทุนของธุรกิจประกันทั้งระบบสูงกว่า 3 เท่าตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
ส่วนวงเงินการเคลมประกันของตึก สตง.ต้องประเมินดูจากความคืบหน้าในการก่อสร้างว่าเป็นอย่างไร
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. ให้ความมั่นใจว่าระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน ตลอดจนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถดำเนินการและให้บริการได้เป็นปกติ และก.ล.ต. ได้ผ่อนผันการนำส่งข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแล รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
การแถลงชี้แจงในวันนี้ของทุกหน่วยงานเพราะไม่อยากให้ผู้คนแพนิก จึงต้องให้ข้อมูลจากทุกหน่วยงานมาให้พิจารณา เชื่อว่า การเป็นเกิดแผ่นดินไหวเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศการลงทุนแต่ ปัญหาภายนอก อย่างปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ยังส่งผลต่อตลาด เห็นได้จากตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ที่ร่วงหนัก อย่างไรก็ตาม ในฐานะเรคกูเลเตอร์ตลาดหุ้นไทยมีเครื่องมือดูแลความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ
ปิดท้ายที่นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนต้องแยกแยะ วิเคราะห์ข่าวสารให้ดี อย่าตื่นตระหนก วันนี้ได้รับคำยืนยันแล้วทั้งจากสภาวิศวกร ว่าเมืองไทยเราผ่านการทดสอบอยู่ในระดับโลก แผ่นดินไหวไม่มีปัญหา ภาคอุตสาหกรรมทุกหน่วยดำเนินการต่อได้ ส่งออกได้ แข่งขันได้ ภาคธนาคารการเงิน เสถียรภาพไม่สะดุดแม้แต่นิดเดียว ด้านคปภ.พร้อมตอบสนองการช่วยเหลือประชาชน ให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นสิ่งแรกและตัวประกันเองบริษัทมีความแข็งแกร่งพร้อมช่วยเหลือประเทศชาติ
ทั้งนี้ตลท.กับ ก.ล.ต. ประสานงานกันตั้งแต่วันศุกร์ ส่วนเสาร์ อาทิตย์ ทำงานร่วมกันตลอด ยืนยันว่า ระบบไม่สะดุด ใช้งานได้ เป็นห่วงเพียงบุคคลากรจึงต้องหยุดการซื้อขาย ขณะที่ ปัจจัยพื้นฐาของบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงแข็งแกร่ง ในภาพรวมของภาคธุรกิจสามารถรับมือกับสถานการณ์และดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ไม่กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนไทย
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมความพร้อมระบบและการดำเนินการทุกด้าน รวมทั้งประสานงานใกล้ชิดกับบริษัทสมาชิกและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจสำหรับการเปิดการซื้อขายในทุกตลาดในวันนี้
ขณะที่บรรยากาศ ตลาดหุ้นในเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ไม่สู้ดีนัก มาจากความกังวลต่อปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 2 เม.ย.นี้