ธุรกิจการตลาด

‘อับราโมวิช’ ตัดใจ ยอมขายเชลซี เสี่ยหมีอ้างหาเงินช่วยยูเครน สื่อแฉเบื้องลึกชิงขายหนีอังกฤษ ‘คว่ำบาตร’

3 มี.ค. 65
‘อับราโมวิช’ ตัดใจ ยอมขายเชลซี เสี่ยหมีอ้างหาเงินช่วยยูเครน สื่อแฉเบื้องลึกชิงขายหนีอังกฤษ ‘คว่ำบาตร’

นับเป็นข่าวหน้า 1 ของสื่อกีฬาแทบจะทุกสำนัก หลังจาก ‘โรมัน อับราโมวิช’ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ประกาศขาย ‘สโมสรฟุตบอลเชลซี’ ที่เจ้าตัวได้เข้าซื้อและบริหารมาเป็นเวลากว่า 19 ปี นับตั้งแต่ปี 2003 พร้อมให้คำมั่นว่าจะนำรายได้จากการขายสโมสรทั้งหมด ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวยูเครน ที่ได้รับผลกระทบจาก สงครามยูเครน-รัสเซีย’ ที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย

 

istock-157718029

ในยุคสมัยที่อับราโมวิชก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของทีมเชลซีนั้น เขาพาเชลซีคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ถึง 19 รางวัล พาทีมขึ้นมาเป็นทีมแนวหน้าของตาราง แต่ยุครุ่งเรืองของเชลซีภายใต้ ‘เสี่ยหมี’ คนนี้ก็ต้องสิ้นสุดลง เพราะเขาถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลอังกฤษ โดนถูกกล่าวหาว่าามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ‘ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน’ แห่งรัสเซีย ผู้ซึ่งประกาศสงครามและนำกองกำลังเข้าบุกประเทศยูเครน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่ามา
 

istock-173575156


"ตั้งใจ" หรือ "จำใจ" ขาย



สื่อหลายสำนักไม่ได้เรียกอับราโมวิชว่าเป็น มหาเศรษฐีพันล้าน (Billionaire) แต่เรียกว่า "โอลิการ์ช" (Oligarch) ซึ่งหมายถึง กลุ่มมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีปูตินและการเมืองรัสเซีย ความใกล้ชิดนี้คือมีมาตั้งแต่สมัยหลังสหภาพโซเวียตแตก ซึ่งหลายคนได้รับ "สัมปทาน" ธุรกิจใหญ่ๆ เช่น น้ำมัน พลังงาน เหมืองแร่ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเหมือนทุกวันนี้ และ "เสี่ยหมี" ผู้มีสินทรัพย์มากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์ ในฐานะเจ้าของธุรกิจนับไม่ถ้วน ก็มีเส้นทางเศรษฐีแบบนี้ไม่ต่างกัน แม้เจ้าตัวจะเคยออกมา ปฏิเสธหนักแน่นเรื่องสายสัมพันธ์กับปูติน ก็ตาม

 

000_dv2079612

ประเด็นก็คือ การที่ชาติตะวันตกและพันธมิตรคว่ำบาตรรัสเซียงวดนี้ เป็นครั้งที่รุนแรงกว่าในอดีต และยังมุ่งเป้าไปที่การตัดท่อน้ำเลี้ยงปูตินแอนด์เดอะแก๊งค์ Oligarch โดยตรง ซึ่งปัจจุบัน มีการแบล็กลิสต์ มหาเศรษฐีรัสเซียที่เป็นคนวงในปูตินไปหลายคนแล้ว และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
 
แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงตัวอับราโมวิช โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักร เอลิซาเบธ ทรัสส์ ให้สัมภาษณ์กับเดลีเมล ว่า รัฐบาลไม่ได้เพ่งเล็งอับราโมวิช แต่ก็เริ่มมีแรงกดดันจากหลายฝ่ายมากขึ้นให้พ่วงเสี่ยหมีเข้าไปด้วย เช่น คริส ไบรอันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคแรงงาน ที่เรียกร้องให้มีการถอดอับราโมวิช จากการเป็นเจ้าของทีมเชลซี และเรียกร้องให้มีการยึดทรัพย์ด้วย โดยเจ้าตัวอ้างว่า ได้รับเอกสารหลุดเมื่อปี 2019 ซึ่งมีรายละเอียดว่า อับราโมวิชร่วมงานกับรัฐบาลรัสเซียในการฟอกเงินผิดกฎหมาย รวมถึงกิจกรรมสีเทาบางอย่าง

 

000_par7017609


ใครจะมาซื้อ "เชลซี" ต่อ?


สำหรับดีลการขายทีมเชลซีในครั้งนี้ อับราโมวิช ระบุในแถลงการณ์ว่า “เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากและเจ็บปวด” แต่เขาเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อทีม แฟนบอล พนักงาน และสปอนเซอร์กับพันธมิตรทางธุรกิจ แถมเขายังจะยกหนี้ที่ปล่อยกู้ให้ทีมไปก่อนหน้านี้กว่า 1,500 ล้านปอนด์ หรือ 65,000 ล้านบาท ให้ฟรีๆ ด้วย โดยผลกำไรจากดีลในครั้งนี้ เขาจะนำไปมอบให้มูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเยียวยาผู้เคราะห์ร้ายจากสงครามในยูเครน ซึ่งรวมไปถึงการมอบทุนเร่งด่วนให้กับผู้ประสบภัย และการสนับสนุนเพื่อการฟื้นฟูในระยะยาว

อับราโมวิช ซื้อทีมเชลซีมาในปี 2003 ด้วยมูลค่า 140 ล้านปอนด์ แต่ในการขายวันนี้มีการคาดการณ์กันว่า มูลค่าดีลซื้อขายอาจพุ่งถึง 3 พันล้านปอนด์ หรือราว 1.2 แสนล้านบาท ตามที่เคยมีข่าวลือเมื่อ 3-4 ปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสำเร็จของทีมตลอด 19 ปี ที่เสี่ยหมีช่วยปรับโฉมให้เชลซีได้ครองแชมป์มาหลายถ้วย และกลายเป็นหนึ่งในหัวแถวของทีมพรีเมียร์ลีกในวันนี้

 

000_324c6pn

 

ส่วนรายชื่อมหาเศรษฐีที่สนใจซื้อสิงห์บลูส์ ต่อจากอับราโมวิช งวนนี้แว่วว่าเป็น ‘ทอดด์ โบห์ลี’ นักลงทุนชาวอเมริกัน  และมหาเศรษฐีชาวสวิส เจ้าของธุรกิจด้านการแพทย์ ‘ฮันส์ยอร์ก วิสส์’ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทุนจากอาหรับ และเอเชีย สนใจเทคโอเวอร์เชลซีเช่นกัน

ทั้งนี้ โรมัน อับราโมวิช ติดอันดับมหาเศรษฐีอันดับที่ 142 ตามการจัดอันดับของนิตยาสาร Forbes เป็นเจ้าของบริษัทด้านการลงทุน "Millhouse LLC" ถือหุ้นในบริษัทผลิตเหล็กและเหมืองแร่แบบครบวงจร Evraz สัญชาติรัสเซีย และบริษัท Norilsk Nickel ผู้ผลิตนิกเกิลและโลหะมีค่ารายใหญ่ของโลก มีทรัพย์สินมูลค่ารวม 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4 แสนล้านบาท

 

000_ap70g

 

ก่อนหน้าเคยเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ Sibneft แต่ได้ขายหุ้นให้บริษัทน้ำมันของรัฐไปแล้ว ด้วยดีลยักษ์ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2005

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT