กระแสกัญชง-กัญชาในบ้านเรา ยังฮอทฮิตต่อเนื่องหลังรัฐบาลประกาศปลดล็อก กัญชง กัญชา เริ่มวันแรกตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 เป็นต้นมา โดยเฉพาะธุรกิจเอกชนรายใหญ่หลายๆ ที่กระโดดลงมาเล่นในธุรกิจ "สายเขียว" พัฒนาสินค้าต่างๆ นาๆ ออกมาวางขายโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางที่กำลังเป็นสนใจในตลาดผู้บริโภค หนึ่งนั้น คือ บริษัท เจเคเอ็น เบสท์ไลฟ์ จำกัด ในเครือของ‘บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN’ ที่มี 'แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์' นั่งเป็นซีอีโอ
ล่าสุดเปิดได้ตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการนำสารสกัด “น้ำมันเมล็ดกัญชง” มาเป็นส่วนผสมสำคัญในสบู่แบรนด์ใหม่ “Anne Soap(แอนโซป)” โดย มีซีอีโอ 'แอน จักรพงษ์' ควบตำแหน่งเป็นพรีเซนเตอร์เอง ภายใต้คอนเซปต์ “สรรค์สร้างผิวสวยดุจนางในวรรณคดี” Anne Soap มีทั้งหมด 5 กลิ่น กับ 5 คุณสมบัติที่แตกต่าง เลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสภาพผิวและความต้องการของผู้บริโภค
ด้วยการวางคอนเซปต์ทั้ง 5 นางแห่งวรรณคดี ได้แก่
1)นางบุษบา มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกซากุระ
2)นางปทุมวดี เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์อย่างดอกบัวให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย
3)นางมัทนา หอมสะกดใจจากกลิ่นกุหลาบแดง
4)นางสีดา เป็นอีกกลิ่นที่หอมรัญจวญชวนหลงไหลจากไม้จันทร์หอม
5)นางสุวรรณมาลี กลิ่นหอมละมุนอย่างน้ำนมข้าวให้สัมผัสนุ่ม เบาสบายผิว
ชูจุดเด่นสบู่ผสม 'เมล็ดกัญชง' ช่วยให้ผ่อนคลาย
โดย “แอน จักรพงษ์” ได้นำเสนอความเป็นสบู่แห่งวรรณคดีผ่านชุดไทยสุดหรูหราซึ่งชุดไทยทั้งหมดนั้นได้ถูกออกแบบและตัดเย็บจากดีไซน์เนอร์แถวหน้าของไทย เพื่อใช้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
แอน จักรพงษ์ ที่มาของการผลิตและจัดจำหน่ายแอนโซป ว่า “สบู่เป็นสินค้าที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน การทำความสะอาดร่างกายเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ยิ่งในช่วงนี้ที่ต้องรักษาความสะอาดให้มากขึ้นจากภาวะเชื้อโรคระบาด และแอนคือผู้ใช้จริงของ Anne Soap(แอนโซป) จึงเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์นี้ออกมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติครอบคลุมในความต้องการที่หลากหลาย ทุกสูตรได้เติมสารสกัดจากเมล็ดกัญชงเข้าไปด้วยเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย สดชื่น ชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ เป็นต้น โดยทั้ง 5 สูตรได้เน้นเรื่องของการลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ชะลอวัย ให้ความสดชื่น ลดการอักเสบของผิว แก้ไขเรื่องสิว บำรุงผิวไปพร้อมกัน”
ดังนั้นจะเห็นว่าการเปิดตัวสบู่แบรนด์ใหม่ “แอนโซป” เป็นไปตามแผนที่ ซีอีโอของ JKN เคยประกาศแผนไว้ว่า ด้วยนโยบายภาครัฐที่ผลักดันกัญชาและกัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทย ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากกัญชากัญชงในเชิงการแพทย์และเศรษฐกิจ ใช้เป็นส่วนผสม สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์
หลังจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ปลดล๊อกกัญชาและกัญชงออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ทำให้บริษัทฯ จึงมีแผนรุกตลาดผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชาและกัญชงมาเป็นส่วนผสม ผ่านการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กว่า 30 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสอดรับเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค
ตั้งเป้าธุรกิจสายเขียวปั้นยอดขายทะลุ 200 ล้านบาท
ภาพรวมตลาดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงในปี 2564 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 50 ล้านบาท และประเมินว่าภายในปี 2568 จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 15,770 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสของ JKN นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงามที่มีสารสกัดกัญชากัญชง ที่มีคุณสมบัติที่เพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง กระจ่างใส อีกทั้งช่วยในการผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เพื่อเสริมพอร์ตธุรกิจแข็งแกร่งรองรับการเติบโตของ JKN ในอนาคต
โดย JKK วางกลยุทธ์สำคัญที่จะใช้ ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ เพื่อสื่อสารการตลาดและสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทาง JKN18 เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าผ่านช่องทาง D2C และผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงช่องทางการขายผ่าน Convenience Stores อาทิ 7-Eleven เพื่อรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภค โดยตั้งเป้าสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีส่วนผสมของกัญชงจะทำยอดขายในปีนี้กว่า 200 ล้านบาท และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ Commerce ในปีนี้ให้เติบโตตามเป้าหมาย