หุ้นในเครือ Cineworld Group โรงภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษร่วงลง 63% เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากมีรายงานว่าบริษัทกำลังเตรียมยื่นขอล้มละลาย รวมทั้งยื่นคำร้อง Chapter 11 ในสหรัฐอเมริกา หลังกำลังเผชิญวิกฤตคนดูหายไปไม่กลับมา รวมถึงไม่มีหนังดังฟอร์มมากพอที่จะดึงคนดูกลับมาได้
หุ้นในเครือ Cineworld Group โรงภาพยนตร์ของอังกฤษร่วงหนักสุดถึง 63% เมื่อวันศุกร์ หลังจากสื่ออย่าง The Wall Street Journal ออกมารายงานว่า Cineworld Group กำลังเตรียมยื่นขอล้มละลาย เพราะธุรกิจยังถูกกระทบจากโควิดอย่างหนัก ไม่สามารถดึงดูดให้ผู้ชมกลับมาเข้ามาในโรงภาพยนตร์ได้เหมือนเดิม
Cineworld ทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่มากระดับโลก เพราะมีโรงภาพยนตร์ถึง 9,000 โรงใน 10 ประเทศแน่นอนว่าในช่วงโควิดตลอด 2 ปีที่ผ่านมาถูกกระทบอย่างหนัก แต่แม้ว่าตอนนี้จะเปิดประเทศแล้ว ยอดขายตั๋วบ็อกออฟฟิศยังคงลดลง 30% เมื่อเทียบกับปี 2019 ในขณะเดียวกันก็มีภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์น้อยลง 30% เช่นกันเพราะการหยุดชะงักของการถ่ายทำในช่วงการระบาดที่สำคัญผู้ผลิตภาพยนตร์ในปัจจุบันมุ่งสนใจทำภาพยนตร์เพื่อส่งไปยังแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากกว่าจะลงโรงภาพยนตร์เหมือนที่เคยเป็นมา
"และหากสถานการณ์ที่ยังไม่มีหนังฟอร์มยักษ์หนังดังที่จะดึงดูดให้คนกลับมาดูในโรงภาพยนตร์ได้จนถึงเดือนพฤศจิกายนCineworldจะตกอยู่ในภาวะวิกฤตขาดสภาพคล่องทันทีหลังจากมีรายงานว่าหนี้สินสุทธิของ Cineworld ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เทียบกับรายรับอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์"
เจ้าของ Cineworld Group คือ บริษัท Regal Cinemas ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมาย Kirkland & Ellis LLP และที่ปรึกษาจาก AlixPartners เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย โดยบริษัท คาดว่าจะยื่นคำร้อง Chapter 11 ในสหรัฐอเมริกา นั่นคือเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างธุรกิจตามกฎหมายล้มละลาย นอกจากนี้ Cineworld กำลังพิจารณายื่นฟ้องล้มละลายในสหราชอาณาจักรอีกด้วย
Cineworld ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจรายล่าสุดของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ที่พยายามดิ้นรนเพื่อฟื้นคืนสถานะเดิมหลังเจอผลกระทบหนักจากโควิด19 รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปดูภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งจากที่บ้านมากกว่าออกไปที่โรงภาพยนตร์แม้ว่าปีนี้จะมี หนังดัง "Top Gun: Maverick" และภาพยนตร์ Marvel บางเรื่อง แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีภาพยนตร์ขนาดใหญ่เพียงพอที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ดังนั้นการฟื้นของโควิดจึงยังไม่ได้ทำให้สภาพธุรกิจฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้
ที่มา CNBC