การสวรรคตของสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ปลุกกระแสซีรีส์ ‘The Crown’ ที่เล่าชีวประวัติของพระองค์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix ขึ้นมาอีกครั้ง โดยพบว่าในช่วงวันที่ 9-11 ก.ย. หลังพระองค์เสด็จสวรรคตในวันที่ 8 ก.ย. จำนวนผู้ชมซีรีส์ก็พุ่งขึ้นไปถึง 800% ในอังกฤษ 600% ในสหรัฐอเมริกา และเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าทั่วโลก
เรียกว่าได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกอย่างล้นหลามจนทีมผู้สร้างตัดสินใจประกาศทำซีซั่นที่ 6 ต่อ เพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตของพระองค์ในช่วงศตวรรษที่ 21 จวบจนเสด็จสวรรคต จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะดำเนินเรื่องไปถึงแค่ซีซัน 5 ที่เล่าเรื่องชีวิตของพระองค์จนถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 20
ซีรีส์เรื่อง The Crown ฉายเป็นครั้งแรกบน Netflix เมื่อปี 2016 เล่าเรื่องราวทั้งชีวิตส่วนตัวของพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และของพระบรมวงศานุวงศ์ สอดประสานไปกับสภาพสังคมและการเมืองในประเทศอังกฤษขณะนั้น
ทำให้ซีรีส์มีความโดดเด่นในการนำเสนอวิธีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงภายในราชวงศ์เพื่อเอาตัวรอดในยุคใหม่ รวมไปถึงแสดงบทบาทของพระองค์ในฐานะ ‘สัญลักษณ์ของความมั่นคง’ ของประเทศอังกฤษ ที่ยืนหยัดอยู่ได้มาหลายทศวรรษ ในขณะที่สิ่งต่างๆ รอบตัวพระองค์ทั้งแนวคิดทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจในอังกฤษเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ในปี 1953
และด้วยความยาวที่มากถึง 6 ซีซัน และอยู่ในรูปแบบซีรีส์ ทำให้ The Crown มีเนื้อหาแทบจะครอบคลุมทุกแง่มุมในชีวิตของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และมีความละเอียดซับซ้อนมากกว่าการเล่าเรื่องในฟอร์แมตภาพยนตร์ที่มักจะหยิบแค่แง่มุมเดียว หรือชีวิตในช่วงเวลาเดียวของพระองค์มานำเสนอด้วยข้อจำกัดด้านเวลา
The Crown ซีซันที่ 5 ที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตของพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสและเจ้าหญิงไดอาน่า จะลงฉายใน Netflix ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ในขณะที่ซีซันที่ 6 จะเล่าเรื่องของพระบรมวงศานุวงศ์ในต้นศตวรรษที่ 21 และความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตัน ดัลเชสแห่งเคมบริดจ์
ที่มา: The Guardian, Collider