ภายหลังจากที่ดีแทคและทรูได้ควบรวมเป็นบริษัทใหม่เรียบร้อยแล้ว ภายใต้ชื่อ บริษัท “ทรู คอร์ปอเรชั่น” จำกัด มหาชน และตัวย่อในตลาดหุ้นก็คือ TRUE ผู้บริหารก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ของ ‘ทรู’ ภายใต้บริบทใหม่หลังการควบรวมมี 7 กลยุทธ์หลักสู่การเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย ลดความเหลื่อมล้ำ และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวขึ้นสู่ผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัล
การควบรวมระหว่างทรูกับดีแทคในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดยได้รับหนังสือรับรองบริษัทใหม่ตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมูลค่าของกิจการ ทั้งนี้มูลค่าตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกัน (Market Capitalization) ประมาณ 2.94 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราวเพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของทั้งสองบริษัท และการดำเนินการอื่น ๆ
นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
“วิสัยทัศน์ของเราคือการมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคม ที่จะเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล เราได้ออกจากกรอบความคิดแบบเดิมในการทำธุรกิจโทรคมนาคมปลดล็อกสู่การเติบโตในระยะยาว นี่คือการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทย และปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
การสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ ได้นำสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งทรูและดีแทคมาผนึกรวมกัน (Best of Both) เพื่อขยายขนาด (Scale) และการส่งมอบคุณค่า (Value Creation) ที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขีดความแข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งจากองค์กรไทย คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง เทเลนอร์ กรุ๊ป นอกจากนี้ บริษัทใหม่จะได้ประโยชน์จากการผนึกกำลังร่วมกัน (Synergy) ทั้งด้านการลงทุนและรายได้ ซึ่งจะขับเคลื่อนร่วมกัน อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายไอที การจัดซื้อ การขาย การตลาด ช่องทางการค้าปลีก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยจะนำสู่สมดุลความเสมอภาคและความเท่าเทียมในการแข่งขัน และจะนำมาสู่ประโยชน์สูงสุดของลูกค้า
“การรวมกันของเราจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคชาวไทย และเป็นการทรานสฟอร์มประเทศไทยสู่วิถีดิจิทัลที่เร็วยิ่งขึ้น ยกระดับภาคธุรกิจให้พร้อมแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก ตลอดจนเชื่อมโยงทุกระบบเร่งสร้างจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย” นายมนัสส์กล่าว
“ทรู คอร์ปอเรชั่น” จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านดิจิทัลในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับดิจิทัลสตาร์ทอัพซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ บริษัทใหม่จะร่วมกับพันธมิตรระดมทุนจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาท จัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมที่สนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลเพื่อวางรากฐานสำหรับผลักดันสู่อนาคตของสตาร์ทอัพไทยในระดับยูนิคอร์น ซึ่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญที่พัฒนาจากเทเลนอร์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติอีกด้วย
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “พันธกิจขององค์กรคือเร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สนับสนุนคนเก่งรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล และการนำเสนอนวัตกรรมบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืน เราจะมุ่งสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจ และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”
บริษัทใหม่มุ่งสู่ผู้นำด้านโครงข่ายอย่างแท้จริง โดยจะขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุม 98% ของประชากร ในปี 2569 พร้อมพัฒนาและขยายเครือข่ายทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตามรายงานโดยการวิจัยของ GSMA คาดว่า 5G จะช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP ในประเทศไทยที่มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท) ในปี 2573
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น จะให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ “ทรู” และ “ดีแทค” โดยลูกค้าสามารถใช้สัญญาณคุณภาพดีขึ้นทันทีจากสัญลักษณ์เครือข่าย dtac-True และ True-dtac บนหน้าจอมือถือ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณโมบายล์อินเทอร์เน็ตด้วยการ “โรมมิ่ง” สัญญาณข้ามโครงข่าย เพื่อใช้งาน 5G และ 4G บนคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz โดยลูกค้าดีแทคสามารถใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz และลูกค้าทรูสามารถใช้งาน 4G และ 5G คลื่น 700 MHz ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ทั้งนี้จะขยายครบทั้ง 77 จังหวัดประมาณกลางมีนาคมนี้
นายชารัด กล่าวต่อไปว่า “เรามีเป้าหมายสูงสุดในการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดียิ่งกว่าเดิมสำหรับผู้บริโภค และจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและการแข่งขันที่สูงเพื่อลูกค้าเราจะได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ครอบคลุมถึงธุรกิจบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และบริการดิจิทัล พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์เพื่อลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง”
นายมนัสส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราตั้งเป้าจะก้าวไปเป็นหนึ่งในองค์กรนายจ้างที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกับบ่มเพาะวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นเสริมสร้างพลังในการทำงาน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับสูง คนเก่งด้านดิจิทัล และผู้ที่ต้องการก้าวหน้าในบริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เราเป็นองค์กรที่สนับสนุนกลุ่มคนหลากหลาย ครอบคลุมทุกความแตกต่าง”
บริษัทใหม่มุ่งสู่การการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบอย่างยั่งยืนในแนวทาง ESG (Environment, Social, and Governance) ทั้งด้านด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยด้านสิ่งแวดล้อมได้กำหนดเป้าหมายก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutral ในปี พ.ศ. 2573 และ Net zero ภายในปี พ.ศ. 2593 รวมทั้งการลดปริมาณขยะฝังกลบ และขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในปี พ.ศ. 2573
สำหรับด้านสังคมจะลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลโดยเดินหน้าโครงการทรูปลูกปัญญา, dtac Safe Internet, ดีแทค เน็ตทำกิน โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างทักษะและเชื่อมต่อดิจิทัลให้กับประชากรกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะประชากรกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชน ผู้หญิง ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย กลุ่มคน LGBTI และผู้สูงวัย และด้านบรรษัทภิบาลจะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชัน (Zero Tolerance Corruption) การทุจริตต้องเป็นศูนย์ และคำนึงถึงด้านสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานสำคัญ