SPOTLIGHT พาคุณผู้อ่านไปเช็กความพร้อมของของประเทศไทยสำหรับการเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) ว่าประเทศไทยพร้อมแค่ไหน จุดแข็งของประเทศไทยคืออะไร และเราต้องพัฒนาศักยภาพด้านใดบ้าง
ประเทศไทยพร้อม? การเป็น Financial Hub ของโลก
รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) โดยมีการยกร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากครม. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
บทความนี้ SPOTLIGHT พาคุณผู้อ่านไปเช็กความพร้อมของของประเทศไทยสำหรับการเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) ว่าประเทศไทยพร้อมแค่ไหน จุดแข็งของประเทศไทยคืออะไร และเราต้องพัฒนาศักยภาพด้านใดบ้าง
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับ ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) หมายถึงสถานที่ที่มีการดำเนินกิจกรรมทางการเงินหลากหลายประเภท มีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ดี และสามารถเชื่อมโยงกับประเทศอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติสำคัญของศูนย์กลางทางการเงินคือการมีกฎหมายและเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจทางการเงิน ทำให้สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจรและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
จากรายงาน Global Financial Centres Index (GFCI) ล่าสุดในปี 2567 กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 95 ลดลงจากอันดับที่ 93 ในเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งเมื่อเทียบกับศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก เช่น นิวยอร์ก ลอนดอน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยยังมีระยะห่างในเชิงโครงสร้างพื้นฐานและกฎเกณฑ์ทางการเงินที่รองรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้อันดับของกรุงเทพฯ ยังอยู่ห่างจากเมืองศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำ แต่ประเทศไทยมีจุดแข็งที่น่าสนใจหลายประการ ได้แก่:
เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกอย่างเต็มตัว รัฐบาลไทยได้วางแผนและออกมาตรการสนับสนุนหลายประการ ได้แก่:
แม้ประเทศไทยจะมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน แต่ยังมีอุปสรรคหลายประการ ได้แก่:
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และความเป็นศูนย์กลางการค้าภายในอาเซียน อย่างไรก็ตาม การจะก้าวสู่เป้าหมายนี้ได้สำเร็จต้องอาศัยการปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อการลงทุน การพัฒนาบุคลากร และการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง หากประเทศไทยสามารถดำเนินการตามแผนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสสูงที่กรุงเทพฯ จะกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลกในอนาคต
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย , ทำเนียบรัฐบาล