BOI เผยยอดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ ปี 67 ทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท

BOI เผยยอดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ ปี 2567 ทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

คอนเทนต์แนะนำ

ร่วมเชียร์ "บูม กษิดิศ สำเร็จ" พบ เมดเวเดฟ ประเดิม ออสเตรเลียน โอเพ่น

คุณหมอ-นางงาม-นักร้อง ชีวิตหลายความฝันที่ได้ทำของ "ข้าวโพด ณัฏฐา"

ไม่ฟันธงรื้อคดี! “ดีเอสไอ” รอหลักฐานจำลอง “แตงโม” ตกเรือ 16 ม.ค.นี้

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2567 โดยมียอดการลงทุนรวมกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปี พร้อมจำนวนโครงการสูงถึง 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองว่าไทยมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และความพร้อมในทุกมิติ

อุตสาหกรรมเป้าหมายขับเคลื่อนการเติบโต

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจลงทุนมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่:

1. อุตสาหกรรมดิจิทัล มีมูลค่าการลงทุนรวม 243,308 ล้านบาท จาก 150 โครงการ โดยเน้นกิจการดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส และแพลตฟอร์มดิจิทัล
2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมเงินลงทุน 231,710 ล้านบาท จาก 407 โครงการ โดดเด่นในสายการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ชิป และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ
3. อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมมูลค่า 102,366 ล้านบาท จาก 309 โครงการ โดยเน้นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบอัจฉริยะ
4. อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่ารวม 87,646 ล้านบาท จาก 329 โครงการ
5. อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ การลงทุนรวม 49,061 ล้านบาท จาก 235 โครงการ

ปัจจัยหนุนความสำเร็จ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ BOI ระบุว่า ไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ เนื่องจากสถานการณ์สงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผลักดันการย้ายฐานการผลิต โดยไทยมีจุดเด่นด้านความเป็นกลาง โครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม รวมถึงมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการลงทุน

นอกจากนี้ BOI ยังผลักดันมาตรการ Smart and Sustainable Industry ช่วยผู้ประกอบการปรับตัวในด้านการประหยัดพลังงานและนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ โดยปี 2567 มีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนด้านนี้ 407 โครงการ มูลค่ารวม 35,560 ล้านบาท

การลงทุนจากต่างประเทศ

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 832,114 ล้านบาท จาก 2,050 โครงการ ประเทศที่ลงทุนมากที่สุด ได้แก่ 

1. สิงคโปร์: 357,540 ล้านบาท
2. จีน: 174,638 ล้านบาท
3. ฮ่องกง: 82,266 ล้านบาท
4. ไต้หวัน: 49,967 ล้านบาท
5. ญี่ปุ่น: 49,148 ล้านบาท

สำหรับพื้นที่ที่เงินลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก 573,066 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง 392,267 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 71,591 ล้านบาท ภาคเหนือ 42,525 ล้านบาท ภาคใต้ 37,215 ล้านบาท และภาคตะวันตก 21,843 ล้านบาท ตามลำดับ

แนวโน้มปี 2568 และบทบาทของ BOI

สำหรับปี 2568 BOI คาดการณ์ว่าการลงทุนจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเน้นดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ ระบบอัตโนมัติ และ AI นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดกิจกรรมโรดโชว์ในจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อสร้างเครือข่ายและดึงดูดนักลงทุนรายใหม่

โอกาสทางเศรษฐกิจ

โครงการที่ได้รับการส่งเสริมในปี 2567 จะช่วยเพิ่มการจ้างงานในไทยกว่า 210,000 ตำแหน่ง ใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท และเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้อีกกว่า 2.6 ล้านล้านบาทต่อปี ประเทศไทยกำลังปรับตัวเพื่อก้าวสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงของภูมิภาค เพราะการแข่งขันที่ดุเดือนในตลาดโลก ต้องอาศัยปัจจัยภายในด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่พร้อมเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตต่อไป

ที่มา : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)