ผลการสำรวจชี้ รถยนต์รุ่นใหม่มีคุณภาพลดลงในภาพรวม พบมีปัญหาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 192 ปัญหาต่อรถ 100 คัน ส่วนมากเป็นรถรุ่นใหม่ที่มีการใส่เทคโนโลยี และฟีเจอร์ช่วยขับเข้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถพัฒนาระบบให้เสถียรและมีประสิทธิภาพได้
การสำรวจนี้จัดทำโดยสถาบัน J.D. Power บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและวิจัยการตลาดชื่อดังจากสหรัฐ ซึ่งได้จัดทำสำรวจ Initial Quality Study เพื่อประเมินและจัดอันดับรถที่มีคุณภาพสูงสุด หรือมีปัญหาน้อยที่สุดในสหรัฐฯ เป็นประจำทุกปี โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจความเห็นของผู้ซื้อรถ และสถิติอื่นๆ เช่น การร้องเรียนและรายงานปัญหาในการใช้รถของลูกค้าที่ส่งเข้าไปยังบริษัท และการที่บริษัทขอเก็บรถคืนโรงงานจากปัญหาในการผลิตต่างๆ
สำหรับปีนี้ J.D. Power สำรวจความเห็นจากผู้ซื้อและเช่าซื้อรถถึง 93,380 คน ผ่านแบบสอบถาม 223 คำถาม ที่ถามความพึงพอใจในการขับขี่ในด้านต่างๆ เช่น ประสบการณ์ในการขับ ความยากง่ายในการควบคุม การตกแต่งภายนอกและภายในรถ รวมไปถึงความเป็นประโยชน์ของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้ผลิตใส่เข้าไปในรถ
จากผลการสำรวจ Initial Quality Study ปี 2023 พบว่าคุณภาพของรถในตลาดโดยรวมมีคุณภาพลดลงในทุกด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ J.D. Power ไม่เคยพบมาก่อนใน 37 ปี ของการจัดทำสำรวจนี้มา โดยรถในสหรัฐฯ มีปัญหาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 12 ปัญหา ต่อ 100 คัน จากปี 2022 ทำให้ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 192 ปัญหาต่อรถ 100 คัน
J.D Power ระบุว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ผลโดยรวมแย่ลงก็คือ การที่รถรุ่นใหม่พยายามใส่เทคโนโลยีในการช่วยขับลงไป เช่น เทคโนโลยีเตือนการชน และเทคโนโลยีช่วยเตือนเวลาขับรถออกนอกเลน แต่ไม่สามารถทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานได้อย่างเสถียรและเต็มประสิทธิภาพได้ ซึ่งนี่รวมไปถึงเทคโนโลยีชาร์ตโทรศัพท์แบบไร้สายในรถที่สร้างปัญหามากกว่าจะทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น เพราะส่วนมากอยู่ในที่ที่ไม่สะดวกต่อการหยิบ และทำให้เครื่องโทรศัพท์ร้อนไว
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว ชิ้นส่วนเก่าๆ ที่ไม่ควรจะมีปัญหาด้านการออกแบบในยุคนี้แล้วอย่างที่เปิดประตูรถก็กลับแย่ลง เพราะมีการดีไซน์ให้สวยหรือไฮเทคมากยิ่งขึ้น แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง จากการสำรวจ ปัญหาดีไซน์ที่เปิดประตูแบบนี้จะพบมากในรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ หรือ BEV
จากการสำรวจ พบว่าแบรนด์รถที่มีคุณภาพสูงสุดส่วนมากจะเป็นแบรนด์รถดั้งเดิม โดยแบรนด์รถ 3 อันดับแรกที่ผู้ใช้พบปัญหาน้อยที่สุดคือ Dodge, Ram และ Alfa Romero ที่พบปัญหาเพียง 140, 141 และ 143 ปัญหาต่อ 100 คัน ตามลำดับ ในขณะที่แบรนด์รถ 2 อันดับที่รั้งท้ายคือ Tesla และ Polester ที่ผู้ใช้พบปัญหา 257 และ 313 ปัญหา ต่อ 100 คันตามลำดับ
ทางด้านบริษัทผลิตรถที่ดีที่สุดในสหรัฐฯ คือ General Motors ที่มีแบรนด์รถถึง 4 แบรนด์ติดเข้าไปใน 10 อันดับแรก คือ Chevrolet, GMC, Buick และ Cadillac ในขณะที่ผู้ผลิตรถเอเชียอย่าง Kia และ Hyundai ทำอันดับได้ดีไม่แพ้กันที่ 9 และ 17 ส่วนคุณภาพของรถแบรนด์ใหญ่ดั้งเดิมอย่าง Mitsubishi และ Toyota ตกไปอยู่ใต้ค่าเฉลี่ยเพราะพบปัญหา 193 และ 194 ปัญหา ต่อ 100 คันตามลำดับ
ที่มา: CNBC, J.D. Power