ธุรกิจการตลาด

จับตาหุ้น COM7 และ SYNEX รับอานิสงส์ Apple เปิดตัว iPhone 15 กระตุ้นยอดขาย

15 ก.ย. 66
จับตาหุ้น COM7 และ SYNEX รับอานิสงส์ Apple เปิดตัว iPhone 15 กระตุ้นยอดขาย

เมื่อ Apple ได้เปิดตัว iPhone 15 และสินค้ารุ่นใหม่ในไลน์อื่นๆ เช่น Apple Watch ออกมาแล้ว ธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์ก็คงหนีไม่พ้นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต อย่าง COM7 และ SYNEX ซึ่งหุ้นอาจจะปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยบวกนี้

ในบทความนี้ ทีม SPOTLIGHT จึงจะพามาดูทิศทางธุรกิจและหุ้นของ 2 บริษัทนี้กันว่าจะเป็นอย่างไร? ใครมีโอกาสที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่ากัน? และนักลงทุนควรจะเลือกลงทุนกับหุ้นตัวไหนดี?

 

COM7 วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% เพิ่มอีก 100 สาขา

เริ่มจาก COM7 หรือ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ที่มีผู้ขับเคลื่อนองค์กรหลักอย่าง นายสุระ  คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7 ด้วยวิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นนำพาบริษัทเป็นผู้นำการจหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย 

ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ผลประกอบการของ COM7 เรียกได้ว่าค่อนข้างสดใส โดยมีรายได้รวม 33,352 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,578 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้นถึง 10.9% จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ และภาคเอกชนที่มีการฟื้นตัว

​​สำหรับครึ่งแรกปี 2566 COM7 เติบโตจากสินค้ากลุ่มที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่ม Smartphone ที่สร้างรายได้เป็นสัดส่วน 54% Tablet 17% Accessories 18% และ IT Products อื่นๆ 9%

ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 16,042.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% กำไรขั้นต้น 2,325.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.1% กำไรส่วนใหญ่ของบริษัท 704.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรส่วนใหญ่ของบริษัท 1,577.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.43%

ในไตรมาส 2/2566 COM7 ได้มีการขยายสาขาจำนวน 1,287 สาขา โดยขยายสาขาเพิ่มขึ้น 127 สาขา เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 1,160 สาขา ประกอบด้วย BaNANA, Bb, B-Play, BKK, BeBePhone, E-quip, Franchise, iCare, KingKong Phone, Studio7, True Shop by Com7, U-Store, PetPaw และ Brand shop

พร้อมมีสาขาที่รีโนเวททั้ง 40 สาขาจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2566 เพื่อพร้อมรับไฮซีซั่นในไตรมาส 4/2566 และต้อนรับการมาของไอโฟนรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี พ่วงด้วยบริการและประสบการณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในร้านรูปแบบใหม่นี้ด้วย ผู้บริหารคาดการณ์ ยอดขายร้านหลังรีโนเวทจะกลับมาดีขึ้นประมาณ 15%

“ COM7 ตั้งเป้าหมายปีนี้รายได้เติบโต 20% จากปีก่อน จากการสร้างความพร้อมในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งในการจัดทัพสินค้ากลุ่มไฮมาร์จิ้น พร้อมด้วยการรีโนเวทสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ ประกอบกับ การเดินหน้ากิจกรรมการตลาด ชูบริการ และสินเชื่อเสริมทัพ รับไฮซีซั่นธุรกิจในโค้งสุดท้ายปีนี้ ส่วนภาพรวมสินค้าไอทีมองว่าทยอยฟื้นตัว” นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการสายงานขายและธุรกิจค้าปลีก COM7 กล่าวไว้

ทั้งนี้ นายทรงธรรม บุญยะทรัพย์ Head of Business Expansion ของ COM7 เผยว่า ในครึ่งปีหลัง COM7 มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีกราว 100 สาขา รวมถึงศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ และคาดมีสาขาที่ปิดตัว ทำให้คาดสิ้นปีมี 1,400 สาขาตามที่วางไว้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีจำนวน 1,295 สาขา ประกอบด้วย BaNANA, Bb, B-Play, BKK, BeBePhone, E-quip, Franchise, iCare, KingKong Phone, Studio7, True Shop by Com7, U-Store และ Brand shop    

 

IAA Consensus แนะนำ “ซื้อ” COM7 ราคาเป้าหมาย 37.69 บาท/หุ้น

จากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่ดีดังกล่าว สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus)  แนะนำ “ซื้อ” และคาดการณ์ราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 37.69 บาท/หุ้น

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า COM7 จะมีกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 3/2566 และคาดการณ์ว่ากำไรหลักปี 2567 จะเติบโต 18% ซึ่งยังไม่รวมอัพไซส์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการ Digital Wallet (ที่มองว่าจะมีอัพไซส์ 6-8%)  บนสมมุติฐานว่า 2.5% ของเงินดิจิทัลจะถูกใช้ไปกับอุปกรณ์ไอที และ COM7 มีส่วนแบ่งการตลาด 20-30% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากยอดขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10%

341925

 

SYNEX อีกธุรกิจเตรียมรับอานิสงส์จาก iPhone 15 

อีกบริษัทไทยที่น่าสนใจ และน่าจะได้ประโยชน์จาก iPhone 15 คือ SYNEX หรือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ ระบบสารสนเทศ และอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ และมีผู้กุมบังเหียนหลัก คือ นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 

ด้วยวิสัยทัศน์ การเป็นหนึ่งด้านอุตสาหกรรมไอที เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่ทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น 

ผลประกอบการของ SYNEX ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ดังนี้

  • รายได้รวม 17,697 ล้านบาท 
  • กำไรสุทธิ  223  ล้านบาท

สำหรับครึ่งแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 17,645.44 ล้านบาท ลดลง 1,904.95 ล้านบาท ลดลง 9.74% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดสินค้าไอทียังคงซบเซา กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน กำไรสุทธิ อยู่ที่ 222.83 ล้านบาท ลดลง 191.70 ล้านบาท ลดลง 46.25% จากปีก่อน

SYNEX คาดครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก

สำหรับทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง “คาดจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรกรับช่วงไฮซีซั่น โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากสินค้าไอทีมีกำลังซื้อกลับมารับงานโครงการของภาคเอกชนและรัฐบาลที่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการต่างๆ ให้ความสำคัญในการลงทุนด้านไอทีเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้แก่ประเทศ ชูสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลปีนี้มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น” นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เผย

iPhone 15 เป็นแรงกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมา

โดยกลุ่มสินค้าคอมมูนิเคชั่น นับว่าเป็นไฮไลท์ของซีซั่นนี้ เนื่องจากมีการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นเรือธง ในหลายๆแบรนด์ อาทิ Apple, HONOR, Samsung, Huawei เป็นต้น โดยเฉพาะการเปิดตัว  iPhone 15 ที่เตรียมวางจำหน่ายวันที่ 22 กันยายนนี้ คาดเป็นอีกแรงกระตุ้นกำลังซื้อกลับมา รวมไปถึง HONOR เองก็มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด

ส่วนสินค้าคอนซูเมอร์ มีการขยายกลุ่มเทรนด์เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าไปในกลุ่มไลฟ์สไตล์ เกมมิ่ง สินค้าสเปคสูงๆ ในกลุ่มไฮมาร์จิ้น  พร้อมรุกตลาดเกมมิ่งคอนโซล รวมไปถึงโมบายเกมมิ่ง และอีสปอร์ตเกมมิ่ง เพื่อให้มีสินค้าที่ครบวงจรยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ดี มองว่า สินค้าคอมเมอร์เชียลยังเติบโตขึ้นทุกปีตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน โครงการขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้ง เราไม่หยุดมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค พร้อมกับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าองค์กรและเซอร์วิส จนไปถึงการบริการคลังสินค้าของลูกค้าอีกด้วย

ถึงแม้จะเป็นบริษัทที่ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับ COM7 ผลประกอบการของ SYNEX ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ก็ถือได้ว่ามีแนวโน้มที่ดีถึงแม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยทำรายได้ไปรวม 17,697 ล้านบาท ลดลง 1,904.95 ล้านบาท หรือ 9.74% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ อยู่ที่ 222.83 ล้านบาท ลดลง 191.70 ล้านบาท ลดลง 46.25% จากปีก่อน เนื่องจากตลาดสินค้าไอทียังคงซบเซา กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน

IAA Consensus แนะนำ “ซื้อ” SYNEX ราคาเป้าหมาย 14 บาท/หุ้น

จากปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) แนะนำให้ “ซื้อ” และคาดการณ์ราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 14 บาท/หุ้น

อย่างไรก็ตาม KSecurities เผยใน KS PODCAST ว่า ถึงแม้บริษัทขายอุปกรณ์ไอทีจะได้รับอานิสงส์จากสินค้าไลน์ใหม่นี้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องติดตามคือวันจองซื้อและรับ iPhone ว่าจะเป็นไปตามกำหนดหรือไม่? และยอดขายจะเป็นอย่างไร? เพราะในช่วงแรก Apple อาจจะเห็นยอดขายไม่ดีนักในไตรมาส 3 จากสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมไปถึงตลาดสำคัญอย่างจีน แต่อาจจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลให้ของขวัญ และใช้จ่ายปลายปี

อย่างไรก็ตาม KBank คาดว่าปีนี้สินค้าไม่น่าจะขาดตลาด และมองว่าการเปลี่ยนสายชาร์จใหม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของ Apple รวมไปถึงร้านขายอุปกรณ์เพิ่มขึ้น เพราะคนจะต้องซื้อสายชาร์จใหม่ ทำให้เกิดยอดขายในส่วนของ Accessory

สำหรับหุ้น COM7 Kbank มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ COM7 น่าจะดีกว่าไตรมาส 2 และให้น้ำหนักกับ COM7 มากกว่า SYNEX โดยให้เหตุผลมาจาก 3 ปัจจัย คือ

  1. COM7 จะมีรายได้จาก iPhone มากกว่า SYNEX ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากอุปกรณ์สื่อสารมีเพียง 35% ขณะที่ COM7 มีสัดส่วนถึง 80% 
  2. ในแง่ของระบบนิเวศน์ หรือ Ecosystem ของ COM7 เตรียมไว้ดี มีทั้งปล่อยกู้ ประกัน และอุปกรณ์เสริม ทำให้ COM7 จะกลายเป็น One STOP Service & One STOP Shopping สำหรับคนที่ซื้อสินค้าของ Apple ทำให้มีโอกาสมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรสุทธิจะดีขึ้นจากการขายอุปกรณ์เสริม หรือ Accessory
  3. มีในแง่ของมูลค่าของ COM7 มีการซื้อขายหุ้นอยู่ที่ประมาณ 20 เท่า (P/E) ใน 2024 จากค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 25 เท่า ส่วน SYNEX มองตัวเลขสูงไป และคาดว่าปีหน้า 18 เท่า แนะนำซื้อหุ้น COM7 ราคาเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 36.72 บาท/หุ้น



 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT