นิสสันจับมือฮอนด้า พัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ลุยศึกผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากจีน

ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นิสสันและฮอนด้า สองค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น กำลังจับมือกันเพื่อพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน เป้าหมายหลักคือเพื่อลดต้นทุนในการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากจีนที่กำลังมาแรง

นิสสันจับมือฮอนด้า พัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ลุยศึกผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากจีน

รายงานข่าวจาก Nikkeiasia ระบุว่า นิสสันอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาความร่วมมือกับฮอนด้าในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ความร่วมมือนี้อาจรวมถึงการจัดซื้ออะไหล่และพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน นิสสันสนใจที่จะใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบเดียวกันกับฮอนด้า และอาจร่วมกันออกแบบโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ทั้งสองบริษัท โดยการถกเถียงยังอยู่ในช่วงต้นและท่าทีของฮอนด้ายังไม่ชัดเจน

ในอนาคต นิสสันกับฮอนด้าอาจจะพูดคุยเรื่องการจัดซื้อแบตเตอรี่ร่วมกัน หรือพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ด้วยกันก็ได้ เป้าหมายของการร่วมมือคือเพื่อลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถจากจีน เช่น BYD ที่ได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า จีน ครองส่วนแบ่งแซงหน้าญี่ปุ่น

ในประเทศจีน รถยนต์ไฟฟ้าครองส่วนแบ่งถึง 20% ของยอดขายรถทั้งหมด การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทำให้จีนแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นยังไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งเพียง 2% ของตลาดในประเทศเท่านั้น แต่พวกเขากำลังเผชิญกับคู่แข่งสำคัญอย่างรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ นิสสันและฮอนด้าจึงจับมือกันเพื่อร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้พวกเขาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีขึ้น นิสสันเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Leaf ในปี 2010 ปัจจุบันนิสสันมีรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดถึง 3 รุ่น ทางด้านฮอนด้า เคยวางแผนที่จะร่วมมือกับ General Motors ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นราคาประหยัด แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกไปในปีที่แล้ว ปัจจุบันฮอนด้ากำลังเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเอง

หากการจับมือกันของนิสสันและฮอนด้าเกิดขึ้นจริง ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียรวมถึงทั้งโลกเพราะความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่แพง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

ที่มา Nikkeiasia