เปิดความสำเร็จ Mixue (มี่เสวี่ย) ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 ที่ต้องหารายได้ในระหว่างเรียน โดยการไปเป็นลูกจ้างร้านขายน้ำแข็งไส และหลังจากมีประสบการณ์ในการทำน้ำแข็งไส ก็เลยคิดว่าน่าจะเปิดร้านขายน้ำแข็งไสบ้าง จากเงิน 4,000 หยวน หรือราว 2 หมื่นบาทไทยที่ยืมเงินยายมา สู่แบรนด์Mixue (มี่เสวี่ย) ที่ปัจจุบันมีสาขากว่า 36,000 แห่งทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก อะไรคือ สูตรความสำเร็จ? ไปหาคำตอบในบทความนี้
ตามรายงานของ China Insights Consultancy ปัจจุบัน Mixue เป็นผู้นำด้านเครื่องดื่มสดอันดับ 1 ในประเทศจีนจากจำนวนสาขาและยอดขาย อยู่ในอันดับที่สองของโลกในหมวดหมู่นี้ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นขอเสนอขายหุ้น IPO ในฮ่องกง ซึ่งเป็นการเร่งสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภคและพัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสองแบรนด์หลัก คือ Mixue แบรนด์เครื่องดื่มชาสด และ Lucky Cup แบรนด์กาแฟสด
ภายในเดือนกันยายน ปี 2023 จำนวนสาขา Mixue ทั้งในและต่างประเทศทะลุ 36,000 แห่ง ข้อมูลจากเอกสาร IPO ระบุว่า Mixue ขายเครื่องดื่มไปแล้วประมาณ 5.8 พันล้านแก้วทั้งในและต่างประเทศ เรื่องราวการเติบโตของ Mixue จากร้านเล็กๆ จนขยายสาขาไปทั่วโลกสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคของจีนเริ่มต้นจากศูนย์แล้วประสบความสำเร็จได้อย่างไร
คุณ Zhang Hongchao ผู้ก่อตั้งและประธาน Mixue เริ่มจากร้านไอศกรีมเล็กๆ ในบ้านเกิดของเขาในมณฑลเหอหนานในปี 1997 โดยขายไอศกรีมไสสดๆ ที่ตอนนั้นยังมีไม่กี่ร้านในจีนที่ทำ หลังจากศึกษาตลาดมาเก้าปี คุณ Zhang ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาไอศกรีมโคนสูตรนมสด ไข่ แป้งข้าวโพดและน้ำตาล ไอศกรีมโคนของเขาอร่อยถูกปากและขายเพียง 1 หยวนในขณะนั้น ซึ่งดึงดูดลูกค้าเพราะโคนไอศกรีมทั่วไปอยู่ที่ 4-5 หยวน ปัจจุบันนี้ไอศกรีมโคน Mixue ยังเป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่งของบริษัท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 Mixue ขายไอศกรีมโคนในประเทศจีนได้ประมาณ 442 ล้านโคน
ปี 2007 คุณ Zhang Hongfu ซึ่งเป็น CEO ปัจจุบันเข้าร่วมกับ Mixue ด้วยประสบการณ์การบริหารร้านที่เข้มข้น เขาได้สร้างระบบการจัดการแบบมาตรฐานและโมเดลแฟรนไชส์ให้กับบริษัท ระหว่างการผลักดันแฟรนไชส์ Mixue คุณ Zhang ได้พัฒนาศักยภาพหลายๆ ด้านของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสร้างแบรนด์ การบริหารร้าน การตลาด และการจัดการผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน (ข้อมูลในเดือนกันยายน 2023) Mixue มีกว่า 16,000 สาขาแฟรนไชส์ทั่วโลก จนเมื่อกิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางบริษัทจึงตัดสินใจขยายธุรกิจเข้าสู่การผลิตวัตถุดิบเอง เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องคุณภาพ การจัดส่ง และการควบคุมต้นทุน
ในปี 2012 Mixue เป็นผู้ริเริ่มสร้างระบบโรงงานแบบรวมศูนย์ และภายในสิบปีต่อมา บริษัทได้สร้างฐานการผลิตทั้งหมด 5 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 670,000 ตารางเมตร ซึ่งดูแลวัตถุดิบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล นม ชา กาแฟ ผลไม้ และธัญพืช
ณ วันที่ 30 กันยายน 2023 กำลังการผลิตรวมของ Mixue อยู่ที่ประมาณ 1.43 ล้านตันต่อปี และทางบริษัทถือสิทธิบัตรทั้งหมด 84 รายการ ข้อมูลจาก CIC ระบุว่า 60% ของวัตถุดิบที่จัดส่งให้แก่ร้านแฟรนไชส์มาจากการผลิตเอง ส่วนวัตถุดิบหลักๆ ของสินค้าขายดีผลิตโดย Mixue 100%
เพื่อให้ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของแฟรนไชส์ทั่วประเทศ และลดปัญหาค่าส่งทางไกล Mixue ได้สร้างระบบขนส่งของตัวเองตั้งแต่ปี 2014 พร้อมใช้นโยบายจัดส่งฟรีให้กับแฟรนไชส์อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งความล้ำหน้าในวงการเครื่องดื่มสด
หลังจากเกือบ 10 ปีของความพยายาม ระบบคลังสินค้าและเครือข่ายการจัดส่งพิเศษของ Mixue ก็สามารถรองรับการขยายสาขาอย่างกว้างขวาง ณ วันที่ 30 กันยายน เครือข่ายการขนส่งของ Mixue คลุมพื้นที่ 31 มณฑล เขตปกครองตนเอง และเทศบาลเมืองทั่วจีน รวมถึง 300 เมืองใหญ่ ระดับตำบล 1,700 แห่ง และระดับหมู่บ้าน 3,100 แห่ง ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าภายใน 12 ชั่วโมงได้ทั่ว 90% ของพื้นที่ระดับตำบลในประเทศ
Mixue ได้ระบุไว้ในรายงานเสนอขายหุ้นว่า "ด้วยการสร้างเครือข่ายหาซื้อวัตถุดิบทั่วโลก ฐานการผลิต และระบบขนส่ง เราได้พัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มสดในจีน ครอบคลุมทั้งการจัดซื้อ การผลิต การขนส่ง การวิจัยและพัฒนา และการควบคุมคุณภาพ ระบบนี้มีขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพสูง และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาถูกได้ ทั้งยังรับประกันการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคและหมวดหมู่ใหม่ๆ ได้อีกด้วย"
คุณ Zhan Junhao ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "ห่วงโซ่อุปทานคือหัวใจของการรักษาคุณภาพและความคงที่ของสินค้า รสชาติ คุณภาพ และความปลอดภัยของของกินของดื่มสัมพันธ์กับวัตถุดิบโดยตรง การสร้างระบบนี้ตั้งแต่ต้นทางทำให้มั่นใจว่าคุณภาพจะถูกควบคุมได้ และนำเสนอสินค้าที่มีรสชาติอร่อยคงที่และปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ระบบที่แข็งแกร่งยังช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของวัตถุดิบอีกด้วย"
คุณ Hong Yong นักวิจัยจากสถาบันวิจัยอีคอมเมิร์ซ ได้กล่าวเสริมว่า "การเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและช่องทางการจัดส่งคือหัวใจของการยกระดับคุณภาพสินค้าและลดต้นทุนได้"
จุดเริ่มต้นการขยายสู่ต่างแดนของ Mixue คือที่ฮานอย เวียดนาม ในปี 2018 โดยปัจจุบันมีการเปิดสาขาใน 11 ประเทศประมาณ 4,000 แห่ง จากข้อมูลของ CIC นั้น Mixue ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปีเดียวกันนั้นเอง Mixue ได้สร้าง "Snow King" หรือ ราชาหิมะ ตัวการ์ตูนหิมะที่เป็น both เป็นมาสคอตและตัวแทนของแบรนด์มาจนถึงปัจจุบัน Snow King ได้รับความรักจากแฟนๆ ทั่วโลก ณ วันที่ 30 กันยายน ยอดการเข้าถึงหัวข้อเกี่ยวกับ Snow King รวมถึงเพลงธีม Mixue บนโซเชียลมีเดียหลักในจีนสูงถึง 8.7 พันล้าน และ 8.4 พันล้านครั้งตามลำดับ ในปี 2022 Mixue ทำยอดขายได้ 3 หมื่นล้านหยวน และภายใน 9 เดือนแรกของปี 2023 ก็กวาดรายได้ไปแล้ว 37 พันล้านหยวน
หัวข้อ | ข้อมูล |
การขยายตลาดต่างประเทศ |
เปิดดำเนินการแล้วใน เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, ลาว, สิงคโปร์, ไทย, ฮาวาย, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย
|
แผน IPO และการเติบโตทางการเงิน |
- ยื่นขอ IPO ตลาดฮ่องกง 2 ม.ค. 2567 - คาดมูลค่าบริษัท 3.3 แสนล้านบาท - เติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปี - คาดรายได้ปี 2567 2.7 ล้านล้านบาท
|
การเติบโตในไทย |
- ปี 2565: 15 สาขา - ปี 2566: 23 สาขา - ปี 2567: 200+ สาขา (คาดการณ์) - เป้าหมาย 3 ปี: 2,000 สาขา
|
อันดับ 4 เทียบสาขาแบรนด์อื่นทั่วโลก | 1.McDonald's 40,801 สาขา 2.Subway 36,514 สาขา 3.Starbucks 36,170 สาขา 4.MIXUE 36,153 สาขา 5.KFC 28,475 สาขา |
จำนวนสาขาทั้งหมด |
- จีน: 25,000+ สาขา - อาเซียน: 3,000+ สาขา - ทั่วโลก: 36,153+ สาขา
|
1. กลยุทธ์ "ราคาถูก ปริมาณเยอะ"
2. เลือกทำเลทอง เจาะกลุ่มเป้าหมาย
3. พลังของ "แฟรนไชส์"
4. สร้างการจดจำด้วย "มาสคอต" และ "เพลง"
5. "คุณภาพ" ที่ไม่ควรมองข้าม
Mixue คือตัวอย่างของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้