ถึงแม้ยอดขายเครื่องเล่น PlayStation 5 จะลดลง แต่ Sony ยังคงยิ้มได้! เพราะผู้ใช้ PS5 ยังคงเปย์หนักกว่ายุค PS4 ถึง 25% จากการซื้อ DLC เนื้อหาและบริการเสริมต่างๆ ทั้ง PlayStation Plus และ DLC เกม ทำให้รายได้รวมของ PS5 ทะลุ 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว แซงหน้ารุ่นพี่อย่าง PS4 ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ Sony ยังเผยแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเกมครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับความท้าทายในตลาดและสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้น
PlayStation 5 ยังแรง ทำกำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ ผู้ใช้ PS5 เปย์หนักกว่าเดิม
ข้อมูลใหม่จาก Sony ระบุว่า PlayStation 5 สร้างผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบรรดาเครื่องเล่นเกมคอนโซลของ Sony ทั้งหมด โดยข้อมูลนี้มาจากการประชุมและสไลด์นำเสนอของฝ่ายธุรกิจเกมและบริการเครือข่ายของ Sony ซึ่งเผยแพร่หลังจากรายงานผลประกอบการของบริษัทเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ในการนำเสนอ Sony เปิดเผยว่า PlayStation 5 ทำรายได้ 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เปิดตัว ทำลายสถิติเครื่องคอนโซลรุ่นก่อน ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับตัวเลขนี้ ก่อนอื่น Sony รายงานว่า PlayStation 4 ทำรายได้รวม 107 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่า PlayStation 5 แต่ตัวเลขนี้รวมช่วงเวลาทั้งหมดของ PlayStation 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ถึง 2019 ซึ่งนานกว่าช่วงเวลาของ PlayStation 5 (ปีงบประมาณ 2020 ถึง 2023) ถึง 3 ปี เมื่อพิจารณาเฉพาะช่วงเวลา 4 ปีแรก PlayStation 4 ทำรายได้น้อยกว่า PlayStation 5 อย่างเห็นได้ชัด และ PlayStation 5 มีแนวโน้มที่จะทำรายได้แซงหน้า PlayStation 4 ได้ในปีนี้
นอกจากนี้ จำนวนเงินดังกล่าวเป็นยอดขายรวมตลอดช่วงอายุของเครื่องคอนโซล ไม่ใช่ยอดขายเฉพาะฮาร์ดแวร์หรือเกม "PlayStation 5 generation" ไม่ได้หมายถึงแค่เครื่อง PlayStation 5 เท่านั้น แต่รวมถึงทุกอย่างที่ธุรกิจทำในช่วงนี้ รวมถึงยอดขาย PlayStation 4 และเกมที่วางจำหน่ายในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงควรพิจารณาข้อมูลนี้อย่างรอบคอบ
Sony เผยผู้ใช้ PS5 เปย์หนักกว่ายุค PS4
อย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจที่ PlayStation 5 จะทำกำไรได้มากขนาดนี้ แม้จะมียอดขายเครื่องเพียง 56 ล้านเครื่อง ซึ่งน้อยกว่า PlayStation 4 (117 ล้านเครื่อง) อย่างมาก แต่ PlayStation 5 มีราคาเปิดตัวสูงกว่า และการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงอายุของเครื่องทั้งสองช่วยให้ยอดขายของ Sony เพิ่มขึ้นแม้ว่ายอดขายเครื่องจะชะลอตัวลงเล็กน้อย โดย Sony รายงานว่าทั้ง PlayStation 4 และ PlayStation 5 มียอดผู้ใช้งาน 49 ล้านเครื่องต่อเดือน
เมื่อเร็วนี้ทาง รอยเตอร์ ระบุว่า Sony ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า แม้ยอดขายเครื่องเล่น PlayStation 5 จะลดลง แต่ผู้ใช้ก็ยังคงมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มเกมของ Sony อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทในภาคส่วนนี้กำลังมองหารายได้ที่มั่นคง โดยผู้ที่ใช้เครื่องเล่น PS5 ใช้จ่ายมากกว่าช่วงที่เล่น PS4 ถึง 25% เนื่องจากเนื้อหาและบริการเสริม อาทิเช่น PlayStation Plus หรือ DLC เกมต่างๆ "พฤติกรรมนี้ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งและความแน่นอนของฐานรายได้ของเรา" Hideaki Nishino ผู้บริหารฝ่ายเกมกล่าวในการบรรยายสรุปกลยุทธ์
นอกจากนี้ทาง Sony ได้ปรับโครงสร้างการจัดการธุรกิจเกม ซึ่งมีกำไรที่อ่อนแอและสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดย Nishino จะขึ้นเป็นซีอีโอของกลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มในเดือนหน้า โดยบริษัทคาดว่ายอดขาย PS5 จะลดลงเหลือ 18 ล้านเครื่องในปีงบประมาณปัจจุบัน หลังจากพลาดเป้าหมายที่ปรับปรุงแล้วที่ 21 ล้านเครื่องเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจาก ธุรกิจภาคเกมกำลังเผชิญกับต้นทุนการพัฒนาเกมระดับสูงและการเติบโตของอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปลดพนักงานและหยุดโครงการต่างๆ นอกจากนี้ทาง Sony PlayStation ก็มีเกมที่จะวางจำหน่ายน้อยในปีนี้ แต่จุดเด่นที่สร้างรายได้ให้บริษัท คือเกม "Helldivers 2" ซึ่งขายได้มากกว่า 12 ล้านชุดตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงแม้ว่าจะมีกระแสดราม่ากับผู้เล่นบนช่องทาง Steam
ด้าน Herman Hulst ซึ่งจะขึ้นเป็นซีอีโอของกลุ่มธุรกิจสตูดิโอกล่าวว่า เกม Live service ซึ่งมีการเล่นอย่างต่อเนื่องและอัปเดต จะวางจำหน่ายทั้งใน PS5 และ PC พร้อมกัน โดย Sony เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเกมเล่นคนเดียว เดือนนี้ บริษัทได้เปิดตัว "Ghosts of Tsushima" เวอร์ชัน PC ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2020
ทำให้สรุปได้ว่า PlayStation 5 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ยอดขายเครื่องเป็นเพียงตัวบ่งชี้ความสนใจของผู้เล่น แต่ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับความสำเร็จของเครื่องคอนโซล นอกจากนี้เราอาจจะได้เห็น Sony เปิดตัว PlayStation 5 Pro เพื่อพยายามใช้ประโยชน์จากเครื่องรุ่นปัจจุบันในรูปแบบใหม่และราคาที่สูงขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ Sony ยังได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเกมและวางแผนเปิดตัวเกมใหม่ๆ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งในตลาดเกมและสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไป