Deadpool & Wolverine สร้างปรากฏการณ์ในฐานะภาพยนตร์เรท R ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาล แต่มีหลายคำถามที่ว่าเรื่องนี้จะเป็นตัวจุดประกายความหวังให้กับจักรวาลภาพยนตร์ Marvel (MCU) ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษามาตรฐานความสำเร็จหลังจากจบยุค "Infinity Saga" ให้กลับมาผงาดอีกครั้งของ MCU ได้หรือไม่? มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน
Deadpool & Wolverine จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางธุรกิจ MCU ได้หรือไม่
"Deadpool & Wolverine" ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในการเปิดตัวสุดสัปดาห์แรก ทำรายได้ทะลุ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สร้างสถิติใหม่สำหรับภาพยนตร์เรท R ที่ทำรายได้สูงสุดในการเปิดตัวตลอดกาล ที่ล่าสุดทำรายได้ในสหรัฐฯ ถึง 205 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 438.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับรายได้ทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 34 ในจักรวาลภาพยนตร์ Marvel (MCU) อันยิ่งใหญ่ ทำให้ได้รับแรงสนับสนุนจากฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น นอกจากนี้ การตลาดและการโปรโมทที่โดดเด่นและสร้างกระแสฮือฮาอย่างต่อเนื่องก่อนภาพยนตร์เข้าฉาย ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความคาดหวังและกระตุ้นให้ผู้ชมแห่กันมาชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์
ก่อนหน้านี้ "Deadpool" ทั้ง 2 ภาคเคยครองสถิติภาพยนตร์เรท R เปิดตัวสูงสุดในปี 2016 และ 2018 ตามลำดับ แต่เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ผลงานทั้งสองภาคก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับความสำเร็จของภาค 3 นี้ได้
"Deadpool & Wolverine" ไม่เพียงแต่ทุบสถิติของภาพยนตร์เรท R เท่านั้น แต่ยังทะยานขึ้นสู่อันดับ 8 ของภาพยนตร์ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาล แซงหน้าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง "Black Panther" และตามหลัง "The Avengers" เพียงไม่กี่ก้าว ด้วยความสำเร็จครั้งนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแฟรนไชส์ Marvel ที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน โดยภาพยนตร์ Marvel ทั้งหมดทำรายได้รวมกันสูงกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นแท่นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม MCU กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษามาตรฐานความสำเร็จ หลังจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ "Avengers: Endgame" ที่ปิดฉากยุค "Infinity Saga" ภาพยนตร์ Marvel หลายเรื่องที่ออกฉายหลังจากนั้นไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เท่าที่ควร จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า "Deadpool & Wolverine" จะสามารถจุดประกายความสำเร็จครั้งใหม่ให้กับ MCU ได้หรือไม่
Deadpool & Wolverine จะจุดประกายความหวังครั้งใหม่ของ Marvel หรือเพียงแค่แสงสว่างวาบเดียว?
แม้ "Deadpool & Wolverine" จะประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในการเปิดตัว แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการภาพยนตร์อย่าง Shawn Robbins จาก Box Office Theory เตือนว่า "เราควรประเมินความสำเร็จของแต่ละภาพยนตร์อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงที่ MCU กำลังฟื้นฟูตัวเองและเตรียมพร้อมสำหรับ Avengers ภาคใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า"
Robbins ยอมรับว่า "Deadpool & Wolverine" เป็นชัยชนะที่ปฏิเสธไม่ได้ ด้วยความโดดเด่นและเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดผู้ชมหลากหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษามาตรฐานและสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ MCU กลับมาผงาดอีกครั้ง
Michael O'Leary จาก National Association of Theatre Owners แสดงความยินดีกับความสำเร็จของ "Deadpool & Wolverine" ที่ดึงผู้ชมกลับสู่โรงภาพยนตร์ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของประสบการณ์การชมภาพยนตร์บนจอใหญ่ และแสดงความเชื่อมั่นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ชมกลับมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง
ล่าสุดในงาน SDCC 2024 ทาง marvel studios ได้เปิดตัว โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” หวนคืนมาร์เวลอีกครั้งในบท Dr. Doom ซึ่ง Doctor Doom เป็นตัวร้ายที่มีมาอย่างยาวนานของ Fantastic Four
แม้ "Deadpool & Wolverine" จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ความสำเร็จอย่างถล่มทลายนี้ได้สร้างความหวังและความคาดหวังให้กับอนาคตของ MCU การที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างกว้างขวาง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมและขยายฐานแฟนคลับให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงของ Marvel คือการรักษามาตรฐานและสร้างสรรค์ผลงานที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ MCU กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ในระยะยาว
บ็อกซ์ออฟฟิศกลับมาคึกคักอีกครั้ง!
แม้ช่วงต้นฤดูร้อนจะเปิดตัวอย่างเงียบเหงาหลังจากฤดูใบไม้ผลิที่ไร้สีสัน แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องก็ได้เข้ามาพลิกโฉมวงการภาพยนตร์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง "นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นมา เราได้เห็นภาพยนตร์ทำรายได้เกินคาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก 'Bad Boys: Ride Or Die' ตามด้วย 'Inside Out 2', 'A Quiet Place: Day One', 'Despicable Me 4', 'Twisters' และล่าสุดคือ 'Deadpool & Wolverine' ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ช่วงฤดูร้อน" Paul Dergarabedian นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสจาก Comscore กล่าว
สัปดาห์ที่ผ่านมา Disney ประกาศว่า "Inside Out 2" ทำลายสถิติภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ด้วยรายได้ทั่วโลก 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง "Frozen 2" ที่เคยครองบัลลังก์มาตั้งแต่ปี 2019 และ ก่อน "Inside Out 2" เข้าฉายเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน รายได้ในสหรัฐฯ ต่ำกว่าปี 2023 ถึง 25% แต่ไม่ถึงสามสัปดาห์หลังจากนั้น ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 19% และปัจจุบันเหลือเพียง 16.9% เท่านั้น ซึ่งอาจจะลดลงอีกหาก "Deadpool & Wolverine" ยังคงทำรายได้ต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์จะคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2024 จะลดลง แต่ความสำเร็จของภาพยนตร์ในช่วงฤดูร้อนทำให้ช่องว่างแคบลง Dergarabedian ประเมินว่ารายได้ทั้งปีน่าจะอยู่ระหว่าง 8.2 ถึง 8.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกล่าวว่า "การที่เราน่าจะทำรายได้ถึง 8 พันล้านเหรียญฯ ถือว่าน่าประทับใจมากเมื่อพิจารณาจากรายได้ที่ซบเซาในช่วงไตรมาสแรกและเดือนเมษายน"
ความสำเร็จของภาพยนตร์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ชมยังคงต้องการประสบการณ์ความบันเทิงบนจอใหญ่ และพร้อมที่จะกลับมาสนับสนุนโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ที่มา CNN