ธุรกิจการตลาด

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

17 ก.ย. 67
วิกฤตกาแฟ Arabica  อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

ในช่วงเวลาที่หลายคนกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติอันหอมกรุ่นของกาแฟแก้วโปรด โลกของกาแฟกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ราคา Arabica Coffee Futures พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ แตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี สัญญาณเตือนนี้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ไปจนถึงผู้บริโภคทั่วโลก ภัยแล้งในบราซิล ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยอื่นๆ กำลังร่วมกันสร้างพายุลูกใหญ่ในตลาดกาแฟโลก บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุและผลกระทบของวิกฤตการณ์นี้ พร้อมทั้งดูแนวโน้มในอนาคต เพื่อให้คุณเข้าใจสถานการณ์กาแฟโลกในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

ราคา Arabica Coffee Futures พุ่งสูงขึ้นถึง 4.8% แตะระดับ 2.718 ดอลลาร์ต่อปอนด์ในตลาดนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาให้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคือภาวะขาดแคลนกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่มีราคาถูกกว่า ส่งผลให้ความต้องการกาแฟ Arabica ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มร้านกาแฟ specialty เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลก ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความแห้งแล้งและคลื่นความร้อนที่สร้างความเสียหายต่อผลผลิตกาแฟในฤดูกาลเก็บเกี่ยว 2024-25

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

Kona Haque หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ ED&F Man กล่าวว่า "ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาในขณะนี้คือสภาพอากาศ" โดยอ้างอิงถึงสภาวะอากาศที่เลวร้ายในพื้นที่เพาะปลูกกาแฟหลักของบราซิล และการคาดการณ์ว่าจะไม่มีฝนตกในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ในนิวยอร์ก

  • กาแฟ Arabica เพิ่มขึ้น 1.4% เป็น 263.20 เซนต์ต่อปอนด์ ณ เวลา 10:51 น.
  • กาแฟ Robusta ฟิวเจอร์สในลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.4%
  • น้ำตาลดิบเพิ่มขึ้น 1.0% ในนิวยอร์ก ขณะที่น้ำตาลทรายขาวในลอนดอนปรับตัวลดลงเล็กน้อย

สรุปได้ว่า ปัจจุบันกาแฟ Arabica กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผู้บริโภคที่ชื่นชอบกาแฟ Arabica อาจต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นในอนาคตอันใกล้

วิกฤตภัยแล้งบราซิลซ้ำเติมราคา Arabica Coffee Futures พุ่งไม่หยุด

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

วิกฤตภัยแล้งในบราซิลกำลังส่งผลกระทบต่อตลาดกาแฟโลกอย่างหนัก ราคา Arabica Coffee Futures พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลผลิตในฤดูกาลถัดไป บราซิลกำลังเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟอาราบิก้าอย่างมีนัยสำคัญ ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เพาะปลูกกาแฟอาราบิก้าต่ำกว่าระดับปกติอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูแล้งในเดือนเมษายน

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมกาแฟยังเผชิญกับความท้าทายอื่น ๆ เช่น ความแออัดของท่าเรือ ภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก สถานการณ์ความไม่สงบรอบทะเลแดง และผลผลิตที่น่าผิดหวังในเวียดนาม ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาโรบัสต้าปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นมากถึง 4.2% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่ตึงตัวในตลาดกาแฟโลก

ราคากาแฟพุ่งไม่หยุด ฉุดราคาเครื่องดื่ม-ขนมหวานขยับตาม

วิกฤตราคากาแฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วทั้งอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ส่งผลโดยตรงต่อราคาเมล็ดกาแฟคั่วบดและกาแฟสำเร็จรูปที่ผู้บริโภคซื้อไปชงดื่มเองที่บ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อราคาเครื่องดื่มและขนมหวานต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกาแฟอีกด้วย

บริษัท JM Smucker Co. ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กาแฟชั้นนำในตลาดกาแฟสำหรับชงดื่มที่บ้านของสหรัฐฯ อย่าง Folgers และ Café Bustelo ได้ประกาศปรับราคาสินค้าขึ้นแล้วสองครั้งในปีนี้ ครั้งแรกในช่วงต้นฤดูร้อน และครั้งที่สองจะมีผลในต้นเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ร้านกาแฟ Pret A Manger ยังได้ยกเลิกโปรโมชั่นกาแฟแบบสมัครสมาชิกในสหราชอาณาจักร ที่เคยให้ลูกค้าดื่มได้ถึง 5 แก้วต่อวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของผู้ประกอบการในการรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ ราคากาแฟที่พุ่งสูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อราคาเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ใช้วัตถุดิบที่มีราคาผันผวนเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น น้ำส้มคั้นมีราคาพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตขาดแคลน และราคาโกโก้ฟิวเจอร์สที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ก็ทำให้ต้นทุนเครื่องดื่มและขนมหวานจากช็อกโกแลตสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการซื้อสินค้าเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักอื่นๆ เช่น ธัญพืช ยังคงทรงตัว ซึ่งช่วยบรรเทาอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารโดยรวม ทำให้ผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนไม่รุนแรงเท่าที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคากาแฟที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงนี้ ทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนในตลาดต่อไป

วิกฤตกาแฟ Arabica เขย่าตลาดโลก

วิกฤตกาแฟ Arabica อะไรทำให้ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี

วิกฤตราคากาแฟ Arabica ที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของตลาดกาแฟโลก และความท้าทายที่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคต้องเผชิญ ความผันผวนของราคา สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และความต้องการที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกาแฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในขณะที่เรายังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวิกฤตการณ์นี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด สิ่งที่เราทำได้คือการเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมใจกับราคาเครื่องดื่มและขนมหวานที่อาจปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับวิกฤตการณ์นี้ยังเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาและปรับตัวของอุตสาหกรรมกาแฟ การแสวงหาวิธีการผลิตที่ยั่งยืน การพัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่ทนทานต่อสภาพอากาศ และการกระจายความเสี่ยงในการผลิต อาจเป็นหนทางที่จะช่วยสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมกาแฟในระยะยาว ในโลกที่กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก การร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการรับมือกับความท้าทายและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมกาแฟให้ก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง

ที่มา bloomberg

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT