ธุรกิจการตลาด

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

11 ต.ค. 67
Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

ในโลกที่เร่งรีบ กาแฟ กลายเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของใครหลายคน ที่ช่วยเติมพลัง และความสดชื่นให้กับชีวิต แต่ท่ามกลางกระแสความนิยมกาแฟสด และกาแฟชนิดพิเศษ ที่กำลังมาแรง "กาแฟสำเร็จรูป" ยังคงครองพื้นที่สำคัญในตลาดกาแฟโลก โดยมี Nescafé เป็นแบรนด์ผู้นำที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง และอัตราการบริโภคที่สูงถึง 6,100 แก้วต่อวินาที!

อะไรคือปัจจัยแห่งความสำเร็จของ Nescafé ที่ทำให้สามารถครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปได้อย่างเหนียวแน่น ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายมากมาย? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเส้นทางสู่ความสำเร็จของ Nescafé ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมเจาะลึกกลยุทธ์ และวิสัยทัศน์ที่ทำให้ Nescafé ยังคงเป็นแบรนด์กาแฟสำเร็จรูป อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคทั่วโลก

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวอเมริกันหันมานิยมกาแฟชนิดพิเศษ เช่น เอสเพรสโซ่ และโคลด์บรูว์มากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลจากสมาคมกาแฟแห่งชาติของสหรัฐอเมริการะบุว่า ปัจจุบันมีชาวอเมริกันเพียง 4% เท่านั้นที่เลือกบริโภคกาแฟสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตลาดโลกกลับแตกต่างออกไป สมาคมอุตสาหกรรมกาแฟสำเร็จรูปแห่งบราซิล เปิดเผยว่า กาแฟสำเร็จรูปมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณการบริโภคกาแฟทั่วโลก และตัวเลขดังกล่าวยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เจค ลีออนติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟจากบริษัทที่ปรึกษาด้านอาหารและเครื่องดื่ม F+B Therapy ให้ความเห็นว่า "แม้ว่าในปัจจุบันจะมีกาแฟพิเศษให้เลือกหลากหลาย จนอาจทำให้หลายคนมองว่ากาแฟสำเร็จรูปกำลังเสื่อมความนิยม แต่ในความเป็นจริง ตลาดกาแฟสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา"

กาแฟสำเร็จรูปเป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องดื่มที่สะดวก รวดเร็ว และราคาเข้าถึงง่าย แม้ว่ากาแฟสำเร็จรูปมักถูกมองเป็น "ตัวเลือกที่ด้อยกว่า" ในสายตาของนักดื่มกาแฟ แต่ Nescafé ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟที่ใหญ่ที่สุดของ Nestlé บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส เปิดเผยว่า ในทุกๆ วินาที มีการบริโภคกาแฟสำเร็จรูป Nescafé มากถึง 6,100 แก้วทั่วโลก โดยในปัจจุบัน Nescafé มีโรงงานผลิต 25 แห่งทั่วโลก และมีจำหน่ายใน 180 ประเทศ โดย 1 ใน 7 ของกาแฟที่บริโภคทั่วโลก คือ Nescafé

Nescafé สวนกระแส! กาแฟสำเร็จรูปบูมทั่วโลก

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

แนวโน้มการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกามีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 4% ของตลาดกาแฟทั้งหมด สาเหตุสำคัญมาจากภาพลักษณ์ของกาแฟสำเร็จรูปที่ถูกมองว่าด้อยคุณภาพกว่ากาแฟสด ประกอบกับการแข่งขันจากกาแฟชนิดพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในระดับโลก ความต้องการกาแฟสำเร็จรูป โดยเฉพาะแบรนด์ Nescafé กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อแนวโน้มในอนาคต แม้ว่าตลาดในสหรัฐอเมริกาจะยังคงมีแนวโน้มลดลงก็ตาม

ข้อมูลในปี พ.ศ. 2565 ระบุว่า ชาวอเมริกันบริโภคกาแฟเฉลี่ย 517 ล้านแก้วต่อวัน คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมเกือบ 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สัดส่วนการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปกลับลดลงเหลือเพียง 4% ขณะที่การบริโภคกาแฟสำเร็จรูปทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านรสนิยมระหว่างผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกากับประเทศอื่นๆ

ผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่ากาแฟสำเร็จรูปมีคุณภาพต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟสดและกาแฟชนิดพิเศษ ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดกาแฟสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกา สำหรับ Nescafé ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำระดับโลก มีจำหน่ายใน 180 ประเทศ และเป็นผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่ มุ่งเน้นการปรับปรุงภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟสำเร็จรูปแก่ผู้บริโภค และแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันของเครื่องชงกาแฟ และทัศนคติเชิงลบเกี่ยวกับรสชาติ แต่กาแฟสำเร็จรูปก็ยังคงเติบโตในตลาดโลกตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

จากสงครามโลกสู่ยุคใหม่ Nescafé กับการครองใจผู้บริโภค

Nescafé สามารถปรับตัวผ่านการเปลี่ยนแปลงของตลาดกาแฟมาโดยตลอดนับตั้งแต่การเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวตามเทรนด์ หรือรสนิยมของผู้บริโภคที่พัฒนาไปตามยุคสมัย แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ แต่ Nescafé ก็ยังคงรักษาสถานะความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟสำเร็จรูปได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่

การเปิดตัว Nescafé ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากกาแฟสำเร็จรูปถูกบรรจุอยู่ในเสบียงอาหารของทหาร และกลายเป็นหนึ่งในสินค้าบรรเทาทุกข์ ส่งผลให้เกิดกระแสความนิยมกาแฟสำเร็จรูปอย่างรวดเร็วหลังสงครามสิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อตั้งร้านกาแฟ Starbucks ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนหันมานิยมดื่มกาแฟสดที่ชงจากเมล็ดกาแฟคั่วบดมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความต้องการกาแฟสำเร็จรูปในเวลาต่อมา โดย Nescafé แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับวิธีการชง และแหล่งกำเนิดของเมล็ดกาแฟ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อพลวัตทางการตลาดของกาแฟสำเร็จรูป

กาแฟสำเร็จรูป เทรนด์ความนิยมที่แตกต่าง และโอกาสของ Nescafé

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

การบริโภคกาแฟสำเร็จรูปมีความผันแปรอย่างมากในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก ตลาดกาแฟสำเร็จรูปมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในบางประเทศ เช่น เม็กซิโกและอินเดีย ในขณะที่บางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกากลับเผชิญกับภาวะถดถอย แนวโน้มการบริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อรูปแบบการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปในภาพรวม

สำหรับ Nescafé ครองส่วนแบ่งการตลาดกาแฟสำเร็จรูปทั่วโลกในฐานะผู้นำ ด้วยอัตราการบริโภคที่สูงถึง 6,100 แก้วต่อวินาที ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและบทบาทสำคัญของแบรนด์ในระดับสากล โดยเม็กซิโกเป็นประเทศที่ครองอันดับหนึ่งในด้านการบริโภคกาแฟสำเร็จรูป

สหราชอาณาจักรเคยเป็นดินแดนแห่งชา แต่ปัจจุบัน กาแฟสำเร็จรูปกลับได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนศตวรรษที่ 21 ซึ่งกาแฟสำเร็จรูปครองส่วนแบ่งตลาดกาแฟเกือบทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของรสนิยมและพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มของชาวอังกฤษ

การเติบโตของตลาดกาแฟสำเร็จรูปในอินเดีย ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ Nescafé ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะขยายฐานผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การเจาะตลาดในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

Nescafé Clasico แรงขับเคลื่อนสำคัญ สู่ความสำเร็จของ Nestlé

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

Nescafé ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในตลาดกาแฟโลก โดยมีแบรนด์ Clasico เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Nestlé ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภูมิทัศน์การบริโภคกาแฟโดยรวมกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง โดยมีกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเซกเมนต์ของกาแฟสำเร็จรูป

มูลค่าตลาดกาแฟสำหรับการบริโภคภายในบ้านอยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย Nescafé ครองส่วนแบ่งตลาดในเซกเมนต์นี้อยู่ที่ประมาณ 45% หรือประมาณการส่วนแบ่งการตลาดของ Nescafé ได้ที่ 11.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังพบแนวโน้มการบริโภคกาแฟเย็นที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่โดยปกติไม่ได้ดื่มกาแฟเป็นประจำ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมกาแฟในอนาคต

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกาแฟยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านซัพพลายเชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น รูปแบบปริมาณน้ำฝน และอุณหภูมิ ซึ่งส่งผลต่อปริมาณผลผลิตเมล็ดกาแฟ ท่ามกลางความต้องการบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

Nescafé กับอนาคตกาแฟ ท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

อุตสาหกรรมกาแฟกำลังเผชิญกับความท้าทายอันสำคัญยิ่งจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพาะปลูกกาแฟ ทั้งในด้านสายพันธุ์และปริมาณผลผลิต รวมถึงรูปแบบการบริโภค การขยายตัวของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การบริโภคกาแฟสำเร็จรูปที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ราคาเมล็ดกาแฟที่ปรับตัวสูงขึ้น และข้อจำกัดด้านพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลง

ปัจจุบัน กาแฟโรบัสต้าและอาราบิก้าถือเป็นสองสายพันธุ์หลักในการผลิตกาแฟ โดยโรบัสต้ามีจุดเด่นที่รสชาติเข้มข้น และต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ขณะที่อาราบิก้ามีรสชาติที่หวานละมุนกว่า แต่มีข้อจำกัดด้านความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศ แต่จากการคาดการณ์ แนวโน้มการบริโภคกาแฟทั่วโลกจะยังคงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี พ.ศ. 2593 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกกาแฟที่เหมาะสมลดลงถึง 50% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลก

Nescafé ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นที่จะบรรเทาผลกระทบจากความท้าทายดังกล่าว โดยได้ริเริ่มโครงการลงทุนเพื่อส่งเสริมแนวทางการเพาะปลูกแบบยั่งยืน รวมถึงการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผ่านการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่ทนทานต่อสภาพอากาศ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมกาแฟในระยะยาว

Nescafé ครองใจผู้บริโภค ด้วยยอดขายอันดับ 1 และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

Nescafé ครองบัลลังก์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ในโลกได้อย่างไร

Nescafé ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในการครองส่วนแบ่งการตลาดกาแฟสำเร็จรูประดับโลก ด้วยยอดจำหน่ายอันดับหนึ่ง และอัตราการบริโภคที่สูงถึง 6,100 แก้วต่อวินาที แม้ว่าแนวโน้มการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกาจะชะลอตัวลง แต่ Nescafé ยังคงสามารถรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง เช่น เม็กซิโก และอินเดีย

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ Nescafé ประกอบด้วย

  • กลยุทธ์การปรับตัวเชิงรุก: Nescafé ดำเนินกลยุทธ์การปรับตัวเชิงรุก เพื่อตอบสนองต่อพลวัตของตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การพัฒนาสูตร รสชาติ และรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย
  • เครือข่ายการจัดจำหน่าย: Nescafé มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม 180 ประเทศ ซึ่งเอื้อต่อการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และการขยายฐานลูกค้าใหม่
  • นโยบายด้านราคา: Nescafé กำหนดราคาที่สามารถแข่งขันได้ และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟสด หรือกาแฟชนิดพิเศษ
  • ความสะดวกในการบริโภค: Nescafé มุ่งเน้นการสร้างความสะดวกสบายในการบริโภค ด้วยกระบวนการชงที่ง่าย รวดเร็ว และเหมาะสมกับวิถีชีวิตแบบเร่งด่วน
  • การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Nescafé ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นที่จดจำ ผ่านการสื่อสารการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความภักดีในตราสินค้า

นอกจากนี้ Nescafé ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และพัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อม และสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมกาแฟในระยะยาว

ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน Nescafé จึงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟสำเร็จรูป และบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ในตลาดโลก

อ้างอิง How Nescafé และ Why Nescafé 

advertisement

SPOTLIGHT