สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาที่เคยแข็งแกร่งกำลังแตกแยกจากภายใน เพราะมีสายลับจำนวนมากที่ทำงานให้กับกลุ่มกบฏ ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย โดยจากการสืบสวนของ BBC World Service พบว่า นับจนถึงขณะนี้ กองทัพเมียนมาสามารถควบคุมพื้นที่ในประเทศได้น้อยกว่า 1 ใน 4 ด้วยซ้ำ เพราะพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มกบฏชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประสานงานสหประชาชาติว่าด้วยเมียนมาเปิดเผยว่า กองทัพรัฐบาลทหารยังคงควบคุมเมืองหลักๆ และยังถือว่า "เป็นอันตรายมาก" อยู่ดี แม้ว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา กองทัพได้สูญเสียพื้นที่สำคัญไปมาก
สำหรับทหารที่ทำหน้าที่เป็นสายลับเหล่านี้ถูกเรียกว่า "แตงโม" คือภายนอกดูภักดีต่อชุดทหารสีเขียวที่ตนสวมใส่ แต่ภายในเป็นสีแดง เพราะลับหลังทำงานให้กับกลุ่มกบฏที่สนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งมีสีแดงเป็นสัญลักษณ์
นายทหารระดับสูงกองทัพเมียนมา ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า ความทารุณที่เกิดจากกองทัพเป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าทหารตัดสินใจแปรพักตร์ อย่างตัวเขาเอง เคยพบเห็นศพของประชาชนที่ถูกทรมาน เขาตั้งคำถามว่า ทำไมจึงต้องโหดร้ายกับประชาชน ทั้งที่จริง พวกเขาควรทำหน้าที่ปกป้องพลเรือน แต่กลับมาฆ่าคนเสียเอง เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสายลับ เพราะนี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนการปฏิวัติ แม้ว่าตอนแรกเขาเคยคิดที่จะหนีออกจากกองทัพก็ตาม
เขาเริ่มส่งข้อมูลภายในขอกองทัพไปยังกองกำลังป้องกันประชาชน ซึ่งเป็นเครือข่ายของประชาชน และกลุ่มกบฏต่างๆจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ซุ่มโจมตี หรือหลีกเลี่ยงการโจมตีของกองทัพ และเขายังส่งเงินเดือนจำนวนหนึ่งที่เขาได้จากกองทัพให้กลุ่มกบฏนำไปใช้ซื้ออาวุธด้วย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 มีประชาชนกว่า 20,000 คนถูกจับกุมและมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ตามรายงานของสหประชาชาติ
BBC ได้ประเมินอิทธิพลของกลุ่มต่างๆในหมู่บ้านมากกว่า 14,000 แห่งเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และพบว่า กองทัพสามารถควบคุมพื้นที่ของเมียนมาร์ได้เพียง 21% ของประเทศเท่านั้น ในช่วงเกือบ 4 ปีของความขัดแย้ง
การตรวจสอบยังเผยให้เห็นว่า กองทัพชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านต่างๆ สามารถควบคุมพื้นที่ได้ถึง 42% ของพื้นที่ในประเทศ และส่วนที่เหลือยังคงเป็นพื้นที่ที่มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงการควบคุม