วงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษร้อนระอุ! เมื่อ "หงส์แดง" Liverpool สโมสรฟุตบอลระดับตำนาน ตัดสินใจสลัด "Nike" ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุปกรณ์กีฬาจากสหรัฐอเมริกา หันไปซบอก "Adidas" แบรนด์ดังจากเยอรมนี ด้วยสัญญาชุดแข่งขันมูลค่ามหาศาลกว่า 2,580 ล้านบาทต่อปี ทุบสถิติสโมสร!
การกลับมาจับมือกันอีกครั้งของลิเวอร์พูลและอาดิดาสในรอบกว่าทศวรรษ นับเป็นดีลสะเทือนวงการที่สะท้อนถึงการแข่งขันอันดุเดือดในตลาดอุตสาหกรรมฟุตบอล เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์นี้ มีปัจจัยอะไรซ่อนอยู่? ใครได้ใครเสีย? และอนาคตของสงครามแบรนด์กีฬาจะเป็นอย่างไร?
ลิเวอร์พูลซบอาดิดาส เซ็นสัญญาชุดแข่งขันรับทรัพย์กว่า 2 พันล้านบาทต่อปี
ลิเวอร์พูล (Liverpool) เตรียมประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ อาดิดาส (Adidas) อีกครั้งในฤดูกาลหน้าด้วยการเซ็นสัญญาชุดแข่งขันมูลค่าสูงกว่า 60 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 2,580 ล้านบาท) กับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำจากเยอรมนี
สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจะกลับมาสวมใส่ชุดแข่งขัน ภายใต้แบรนด์อาดิดาสอีกครั้งในฤดูกาล 2024/25 ภายใต้ข้อตกลงระยะยาว ซึ่งถือเป็นมูลค่าสัญญาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสโมสร โดยสัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากสัญญาฉบับปัจจุบันกับไนกี้สิ้นสุดลงในช่วงฤดูร้อนนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าลิเวอร์พูลไม่ได้สวมใส่ชุดแข่งขันอาดิดาสมาเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว นับตั้งแต่สิ้นสุดสัญญากับอาดิดาสในปี 2012 โดยที่ผ่านมาลิเวอร์พูลได้ร่วมมือกับแบรนด์กีฬาชั้นนำอื่นๆ ได้แก่ วอร์ริเออร์, นิวบาลานซ์ และไนกี้ ตามลำดับ
แม้รายละเอียดของสัญญาจะยังไม่ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่าเป็นสัญญาระยะยาว โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ทั้งไนกี้และพูม่า ต่างแสดงความสนใจที่จะเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันรายใหม่ให้กับลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตาม อาดิดาสเป็นฝ่ายคว้าชัยในการเจรจาครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของอาดิดาสในตลาดพรีเมียร์ลีก หลังจากที่เพิ่งต่อสัญญามูลค่ามหาศาลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นเวลา 10 ปี ด้วยมูลค่า 900 ล้านปอนด์ (ประมาณ 38,700 ล้านบาท) เมื่อปีที่ผ่านมา
Adidas ยิ้ม! Liverpool หวนร่วมทัพ เสริมแกร่งตลาดพรีเมียร์ลีก
ข้อตกลงใหม่ระหว่างลิเวอร์พูลและอาดิดาส ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า ระบุให้ลิเวอร์พูลได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น 15 ล้านปอนด์ คิดเป็นมูลค่ารวมสูงกว่า 60 ล้านปอนด์ต่อปี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า สัญญาดังกล่าวมีเงื่อนไขการปรับเงินหากลิเวอร์พูลไม่สามารถคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่มักปรากฏในสัญญาสนับสนุนชุดแข่งขันฟุตบอลอาชีพระดับสูง
อนึ่ง สัญญาฉบับปัจจุบันระหว่างลิเวอร์พูลและไนกี้มีมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ต่อปี แต่เมื่อรวมส่วนแบ่งรายได้จากยอดขายแล้ว มูลค่ารวมจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50 ล้านปอนด์ต่อปี โดยลิเวอร์พูลได้ลงนามในสัญญากับไนกี้เมื่อปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่สโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากสิ้นสุดสัญญากับนิวบาลานซ์
ปัจจุบัน อาดิดาสเป็นผู้ผลิตชุดแข่งขันให้กับสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีกหลายแห่ง เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, ฟูแล่ม, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, แอสตัน วิลล่า และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในขณะที่ไนกี้เป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันให้กับเชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน
การที่อาดิดาสสามารถบรรลุข้อตกลงกับลิเวอร์พูลซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจของไนกี้ โดยอาดิดาสกำลังมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้าสโมสรฟุตบอลชั้นนำ หลังจากที่เพิ่งเสียสิทธิ์ในการผลิตชุดแข่งขันให้กับทีมชาติเยอรมนีไปให้กับไนกี้
ลิเวอร์พูลยิ้มรับรายได้พุ่ง! อาดิดาสเสริมแกร่ง ไนกี้เตรียมรับมือ
การประกาศความร่วมมือระหว่างสโมสรลิเวอร์พูลและอาดิดาส ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตและการแข่งขันอันเข้มข้นในอุตสาหกรรมฟุตบอลระดับโลก ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ในมุมมองของสโมสรลิเวอร์พูล ข้อตกลงนี้มิเพียงแต่จะนำมาซึ่งรายได้จากการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานผู้สนับสนุนเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสโมสรในระดับสากล และสร้างมูลค่าทางการตลาดให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างเอเชีย ซึ่งอาดิดาสมีอิทธิพลในฐานะแบรนด์ชั้นนำ
จากมุมมองของอาดิดาส การได้ร่วมงานกับสโมสรลิเวอร์พูลซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในพรีเมียร์ลีก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในตลาดอุปกรณ์กีฬาระดับโลก แม้ว่าอาดิดาสจะต้องสูญเสียสัญญากับทีมชาติเยอรมนีไปก่อนหน้านี้ แต่การได้ร่วมงานกับสโมสรลิเวอร์พูล ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่คุ้มค่า
สำหรับไนกี้ แม้จะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับสโมสรลิเวอร์พูลไว้ แต่ในที่สุดก็มิอาจต้านทานข้อเสนอจากอาดิดาสได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งทางการตลาดของไนกี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ไนกี้ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสรชั้นนำหลายแห่งในพรีเมียร์ลีกและยังคงเป็นแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญในวงการกีฬาโลก
สรุป ข้อตกลงระหว่างสโมสรลิเวอร์พูลและอาดิดาสในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างแบรนด์กีฬาระดับโล ที่ต่างมุ่งหวังที่จะครองใจผู้บริโภคและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร ซึ่งในอนาคตคาดการณ์ได้ว่า เราจะได้เห็นยุทธศาสตร์ทางการตลาดที่สร้างสรรค์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จากแบรนด์ต่างๆ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในตลาดอุตสาหกรรมฟุตบอล ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ที่มา the mirror