อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความผันผวน จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรง และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด Stellantis ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อพนักงานหลายพันคน ล่าสุดทาง Stellantis ประกาศปลดพนักงานกว่า 1,100 คน ประจำโรงงานผลิต Jeep Gladiator ในโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางสถานการณ์ราคาหุ้นที่ร่วงลงกว่า 39% การตัดสินใจครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวของ Stellantis เพื่อรับมือกับความท้าทาย และรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด
Stellantis ปลดพนักงาน Jeep กว่า 1,100 คน หลังราคาหุ้นร่วงกว่า 39%
Stellantis (STLAM.MI) แถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 1,100 คน ณ โรงงานผลิต Jeep Gladiator ในเมืองโทเลโด รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และบริหารจัดการปริมาณสินค้าคงคลังในอเมริกาเหนือให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Stellantis ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรในระดับบริหาร เพื่อรับมือกับสถานการณ์ยอดขายในภูมิภาคที่ชะลอตัว รวมถึงมีการลดจำนวนพนักงานทั้งในส่วนของพนักงานประจำและพนักงานรายชั่วโมงลงอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา
"แม้การลดจำนวนพนักงานจะเป็นมาตรการที่บริษัทฯ ตัดสินใจดำเนินการด้วยความยากลำบาก แต่ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และฟื้นฟูระดับการผลิตให้กลับสู่ระดับเดิมในอนาคต" Stellantis กล่าวในแถลงการณ์
ราคาหุ้นของ Stellantis ร่วงกว่า 39% ในปีนี้
การตัดสินใจลดจำนวนพนักงานในสายการผลิตของนาย Carlos Tavares ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Stellantis ซึ่งรวมถึงพนักงานในเมืองโทเลโด ได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่สมาชิกสหภาพแรงงาน United Auto Workers (UAW) ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานกลุ่มดังกล่าว
นาย Shawn Fain ประธาน UAW ได้ขู่ว่าจะนำสมาชิกสหภาพฯ หยุดงานประท้วงทั่วประเทศ ณ โรงงานต่างๆ ของ Stellantis หลังจากที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์สไตรค์ครั้งใหญ่ ซึ่งกินเวลานานถึง 6 สัปดาห์ ที่ Stellantis และบริษัทคู่แข่งในเมืองดีทรอยต์ เมื่อปีที่แล้ว
นาย Fain ยังได้เน้นย้ำถึงความล่าช้าของ Stellantis ในการลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่และโรงงานแห่งใหม่ในเมืองเบลวีเดียร์ รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งบ่งชี้ว่า Stellantis ไม่ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุไว้ในข้อตกลงแรงงานที่ทำไว้กับสหภาพฯ เมื่อปีที่แล้ว
Stellantis ยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี ทาง UAW ยังมิได้ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับมาตรการเลิกจ้างพนักงานแบบไม่มีกำหนด ณ โรงงานในโทเลโด ซึ่ง Stellantis ได้ประกาศว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ การตัดสินใจของ Stellantis เกี่ยวกับประเด็นพนักงานดังกล่าว ได้ดึงดูดความสนใจจากบุคคลสำคัญทางการเมือง ได้แก่ รองประธานาธิบดี และว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทั้งสองได้แสดงจุดยืนร่วมกัน โดยเรียกร้องให้ Stellantis คงไว้ซึ่งการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา
ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ได้กล่าวเตือนว่า จะดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% หาก Stellantis ดำเนินการโยกย้ายฐานการผลิตจากสหรัฐอเมริกาไปยังเม็กซิโก ในส่วนของพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดกำลังการผลิต ณ โรงงาน South Assembly Plant ในเมืองโทเลโด ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานจากสองกะเหลือเพียงกะเดียว Stellantis ได้ชี้แจงว่า พนักงานกลุ่มนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ในรูปแบบเงินชดเชยการว่างงานเป็นระยะเวลา 1 ปี ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงร่วมกับสหภาพแรงงาน UAW
เส้นทางข้างหน้าของ Stellantis ระหว่างการปรับตัวกับความขัดแย้ง
การประกาศปลดพนักงานกว่า 1,100 คน ของ Stellantis ณ โรงงานผลิต Jeep ในโอไฮโอ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพสะท้อนความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งกำลังเผชิญกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอน นอกจากนี้ทาง Stellantis จำเป็นต้องเดินหน้าบนเส้นทางแห่งการปรับตัว เพื่อรับมือกับปัจจัยลบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลก การแข่งขันที่ดุเดือด และต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น การลดขนาดองค์กร แม้จะเป็นหนึ่งในมาตรการที่ช่วยประคับประคองสถานการณ์ แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว เช่น ขวัญกำลังใจของพนักงาน และภาพลักษณ์ของบริษัท
ในขณะเดียวกัน Stellantis ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสหภาพแรงงาน ซึ่งไม่พอใจต่อการตัดสินใจปลดพนักงาน และการดำเนินงานที่ล่าช้าของโครงการลงทุนต่างๆ ความขัดแย้งที่อาจบานปลาย กลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ Stellantis ต้องเร่งแก้ไข คำถามที่สำคัญคือ Stellantis จะสามารถรักษาสมดุลระหว่างการปรับตัวขององค์กร กับการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับพนักงานได้หรือไม่? การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในวันนี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทาง และอนาคตของ Stellantis ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
การก้าวเดินต่อไปของ Stellantis จึงเปรียบเสมือนการเดินบนเส้นด้าย ที่ต้องอาศัยทั้งความรอบคอบ และวิสัยทัศน์อันเฉียบคม เพื่อนำพาองค์กร และพนักงาน ฝ่าฟันมรสุม และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ที่มา reuters