จากสถานการณ์ที่ผู้บริหารสายการบินพาณิชย์และขนส่งในสหรัฐ เรียกร้องให้บริษัทบรอดแบนด์เลื่อนการเปิดใช้งานคลื่น 5G ย่านความถี่ C-Band ในวันที่ 19 ม.ค. นี้ออกไปก่อน เพราะกังวลว่าคลื่นสัญญาณจะกระทบต่อการขึ้นบินของเครื่องบินจำนวนหนึ่งนั้น
ล่าสุด สายการบินหลายแห่งทั่วโลกได้ทยอยประกาศ "ระงับเที่ยวบิน/ปรับเส้นทางการบิน" ไปสนามบินบางแห่งในสหรัฐ เป็นการชั่วคราวแล้ว จนกว่าการบินสหรัฐจะมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ออกมา โดยสายการบินนานาชาติที่ประกาศการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ เอมิเรตส์ (Emirates), แอร์อินเดีย (Air India), ออลนิปปอนแอร์เวย์ส (ANA), เจแปนแอร์ไลน์ (JAL), โคเรียนแอร์ (Korean Air) และอื่นๆ
- เอมิเรตส์ (Emirates)
สายการบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แถลงระงับการให้บริการเที่ยวบินไปยัง 9 สนามบินของสหรัฐ ได้แก่
1. ท่าอากาศยานนานาชาติ โลแกน - เมืองบอสตัน
2. ท่าอากาศยานนานาชาติ ชิคาโก โอแฮร์ - เมืองชิคาโก
3. ท่าอากาศยานนานาชาติ ดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ - เมืองดัลลาส
4. ท่าอากาศยาน จอร์จ บุช อินเตอร์คอนติเนนตัล - เมืองฮุสตัน
5. ท่าอากาศยานนานาชาติ ไมแอมี - เมืองไมแอมี
6. ท่าอากาศยานนานาชาติ นวร์ก ลิเบอร์ตี - เมืองนวร์ก
7. ท่าอากาศยานนานาชาติ ออร์แลนโด - เมืองออร์แลนโด
8. ท่าอากาศยานนานาชาติ ซานฟรานซิสโก - เมืองซานฟรานซิสโก
9. ท่าอากาศยานนานาชาติ ซีแอตเทิล-ทาโคมา - เมืองซีแอตเทิล
แต่ทั้งนี้ ยังคงให้บริการเที่ยวบินไปยัง 3 สนามบินต่อไปนี้
1. ท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ. เคนเนดี - นครนิวยอร์ก (JFK)
2. ท่าอากาศยานนานาชาติ ลอสแอนเจลิส - เมืองลอสแอนเจลิส (LAX)
3. ท่าอากาศยานนานาชาติ วอชิงตันดัลเลส - เมืองดัลเลส (IAD)
โดยทางสายการบิน ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้น และจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินไปยังสหรัฐโดยเร็วที่สุด
- แอร์อินเดีย (Air India)
ด้านสายการบิน แอร์อินเดีย สายการบินแห่งชาติของประเทศอินเดีย งดให้บริการเที่ยวบินที่เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ อินทิรา คานธี ในเมืองเดลี ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก (SFO,) ชิคาโก โอแฮร์ (ORD) และ จอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) รวมไปถึงงดให้บริการเที่ยวบินจาก ท่าอากาศยานนานาชาติ ฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช ในมุมไบ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ นวร์ก ลิเบอร์ตี (EWR)
- ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (ANA) และ เจแปนแอร์ไลน์ (JAL)
สายการบินสัญชาติญี่ปุ่น ออลนิปปอนแอร์เวย์ส หรือ ANA งดให้บริการเที่ยวบินไปสหรัฐที่ใช้เครื่องบินรุ่น โบอิ้ง 777 (Boeing 777) เพราะเป็นเครื่องที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากคลื่น 5G โดยจะใช้วิธีเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่น 787 แทน ส่วนเที่ยวบินไหนที่เปลี่ยนเครื่องไม่ได้ ก็จะระงับเที่ยวบินชั่วคราว เบื้องต้นได้ระงับเที่ยวบินแล้ว 10 เส้นทาง ที่ไป ลอสแอนเจลิส, ชิคาโก และนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 18 - 20 ม.ค. และระงับเที่ยวบินขนส่งอีก 10 เที่ยวบิน
ขณะที่ เจแปนแอร์ไลน์ (JAL) ได้ใช้วิธีเดียวกัน โดยเปลี่ยนเครื่องจากโบอิ้ง 777 เป็น 787 ส่วนที่เปลี่ยนเครื่องไม่ได้ ก็ต้องระงับเที่ยวบินพาณิชย์ผู้โดยสาร 3 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขนส่งอีก 5 เที่ยวบิน
- โคเรียนแอร์ (Korean Air), ไชนาแอร์ไลน์ส (China Airlines) และ คาเธ่ย์ แปซิฟิก (Cathay Pacific)
ด้านสายการบินเกาหลี โคเรียนแอร์ เปลี่ยนเครื่องบิน โบอิ้ง 777 และ 747-8 ใน 6 เที่ยวบินที่ไปสหรัฐไปเป็นเครื่องรุ่นอื่นแทน เช่นเดียวกับสายการบินจากไต้หวัน และสายการบินจากฮ่องกง ที่ระบุว่าจะเปลี่ยนเครื่องที่อาจเกิดปัญหากับ 5G แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจน
- เดลต้าแอร์ไลน์ส (Delta Airlines)
สำหรับสายการบินสัญชาติอเมริกันอย่าง เดลต้าแอร์ไลน์ส ได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเตรียมการสำหรับกรณียกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินปลายทางมีสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จากปัญหาเสาสัญญาณเครือข่าย 5G ที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินนับสิบแห่ง เนื่องจากสัญญาณ 5G ส่งผลต่อ 'เครื่องวัดความสูงชนิดเรดาร์' ระบบการวัดระยะความสูงจากพื้นสนามบินด้วยสัญญาณวิทยุ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยนักบินในการนำเครื่องบินลงจอดบริเวณรันเวย์ ในสภาพอากาศปิด ซึ่งนักบินไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ลงจอดได้ชัดเจน (มีทัศนวิสัยต่ำ)
นอกจากนั้น สายการบินเดลต้า ยังระบุว่า ในวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ ตกลงร่วมมือที่จะจำกัดการให้บริการสัญญาณ 5G ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงสนามบิน แต่แม้จะเป็นการช่วยบรรเทาการปัญหาที่เกิดขึ้น แต่บริษัทจะยังคงปฏิบัติตามมาตรการการบินตามที่ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) กำหนดไว้สำหรับการบินในบริเวณสนามบินที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรบกวนสัญญาณ 5G กับการบังคับการลงจอดของเครื่องบินได้ที่นี่ https://www.amarintv.com/spotlight/corporate/detail/18493
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจะเกิดขึ้นได้ FAA ได้ออกคำสั่ง 'ห้ามนักบินใช้เครื่องวัดความสูงแบบเรดาร์ ในเขตสนามบินที่ได้รับผลกระทบจากสัญญาณ 5G' ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการลงจอดในสนามบินที่ทัศนวิสัยต่ำ เช่น หมอกลงจัด ซึ่งนั่นหมายความว่า สายการบินจะต้องยกเลิกเที่ยวบินไปยังบางสนามบินไปโดยปริยาย เพราะนักบินจะไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้
ทางด้านสองบริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เจ้าใหญ่ AT&T และ Verizon ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะเลื่อนการเปิดใช้งานสัญญาณ 5G ใกล้เคียงกับบริเวณสนามบินไปก่อน จากที่ก่อนหน้านี้มีกำหนดการจะเปิดให้บริการในวันพุธนี้ โดยโฆษกของบริษัท AT&T กล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจที่ FAA ไม่สามารถจัดการปัญหาเรื่องสัญญาณ 5G รบกวนการบินได้ เหมือนเช่นในกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่สามารถทำได้แล้ว และทาง AT&T จะจัดการปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว
ขณะที่บทวิเคราะห์จากสมาคมสายกาารบิน Airlines for America เปิดเผยว่า ปัญหาการรบกวนการบินจากสัญญาณ 5G นี้ อาจส่งผลให้เที่ยวบิน 345,000 เที่ยวบินต้องล่าช้า หรือต้องบินวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ ผู้โดยสารมากถึง 32 ล้านคน ภายใน 1 ปี