ธุรกิจการตลาด

ตาปู่ยังดี! บัฟเฟต์ช้อน Activision ก่อน Microsoft ปิดดีล ฟันกำไรเหนาะๆ หมื่นล้าน

15 ก.พ. 65
ตาปู่ยังดี! บัฟเฟต์ช้อน Activision ก่อน Microsoft ปิดดีล ฟันกำไรเหนาะๆ หมื่นล้าน

หรือปู่จะติดใจหุ้นเทค? "วอร์เรน บัฟเฟตต์" เข้าช้อนหุ้นค่ายเกมดัง “Activision Blizzard” เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ “Microsoft” จะประกาศดีลยักษ์ซื้อกิจการ คาดปู่ฟันกำไรเหนาะๆ ระดับหมื่นล้าน

 istock-913434770
 
 
CNBC รายงานว่า ปรมาจารย์แห่งนักลงทุนหุ้นคุณค่า “วอร์เรน บัฟเฟตต์” แห่งกลุ่มบริษัทโฮลดิ้ง Berkshire Hathaway ได้เข้าซื้อหุ้นของค่ายเกมชื่อดัง “Activision Blizzard” มูลค่าเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.24 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 หรือ เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ “ไมโครซอฟท์” จะทุ่มเงินเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.22 ล้านล้านบาท)
 

ในรายงานที่ Berkshire แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ระบุว่า ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว บริษัทได้เข้าถือหุ้นของบริษัท Activision Blizzard จำนวนทั้งหมด 14.66 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 975 ล้านดอลลาร์ (3.15 หมื่นล้านบาท)

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวฮือฮาในวงการทันที ทั้งการที่ปู่บัฟเฟตต์หันมาลงทุนกับหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ทั้งการที่ซื้อได้ถูก(จังหวะ) ก่อนที่จะมีอภิมหาดีลของ Microsft บริษัทของเพื่อนซี้ "บิลล์ เกตส์" เข้าไปซื้อ
 

000_hkg4080680
 
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค. 2565 ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard ที่ราคาหุ้นละ 95 ดอลลาร์ รวมเป็นดีลทั้งสิ้น 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทเกมที่ดำดิ่งเพราะปัญหาอื้อฉาวในบริษัท มีราคาพุ่งขึ้นทันทีถึง 25% ทะยานไปแตะ 82 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งนับเป็นดีลขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับวงการเทคโนโลยีในสหรัฐ

เป็นที่คาดว่าดีลนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของไมโครซอฟท์ในตลาดผู้พัฒนาเกมและคอนโซล ดันบริษัทให้กลายมาเป็นเจ้าตลาดอันดับต้นๆ ขณะที่ความเชี่ยวชาญในการสร้างโลกแห่งเกมของ Activision Blizzard จะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ไมโครซอฟท์พัฒนาแพล็ตฟอร์ม Metaverse เพื่อต่อกรกับคู่แข่งอย่าง Meta(Facebook), Google หรือ Apple อีกด้วย
 

header_0120_1920x1080

 
สำหรับบริษัท Activision Blizzard เองนั้นก็ถือเป็นรายใหญ่ในวงการที่มีเกมดังๆ มากมาย ที่ผ่านมาสามารถทำผลประกอบการได้ตามความคาดหมายของนักลงทุน แต่กลับมาตกม้าตายเรื่องการบริหารจัดการภายในจนกระทบต่อชื่อเสียง

โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว บริษัทเผชิญมรสุมหนัก ถูกหน่วยงานของแคลิฟอร์เนียยื่นฟ้องเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในที่ทำงาน เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ กดขี่พนักงานหญิง และจ่ายค่าแรงไม่เท่าเทียม ซึ่งฉุดราคาหุ้นบริษัทร่วงลงสู่ระดับ 56.40 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ค่ายเกมนี้ยังได้หักอกบรรดาเกมเมอร์ ด้วยการประกาศเลื่อนการวางจำหน่ายเกม Diablo IV และ Overwatch 2 ภาคต่อของเกมชื่อดังในค่าย ซ้ำร้าย เกม Call of Duty: Vanguard ที่ออกวางจำหน่ายในเดือนเดียวกันนี้ ยังได้รับเสียงตอบรับที่ตอบรับที่ไม่ค่อยดีจากบรรดาคอเกมอีกด้วย
 

screenshot2022-02-15at17-5
 
การเข้าซื้อหุ้น Activision Blizzard ของ Berkshire ในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นการลงทุนที่ทำเงินได้ในระดับ “หมื่นล้านบาท” เลยทีเดียว หากคำนวณจากราคาต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4 ที่ 56.40 ดอลลาร์/หุ้น และราคาปัจจุบันที่ 81.50 ดอลลาร์/หุ้น เท่ากับว่า Berkshire อาจมีกำไรสูงสุดถึง 44.5% คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 445 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.4 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ทั้งปู่บัฟเฟตต์และ Berkshire ยังไม่มีการเปิดเผยว่า เหตุใดจึงเดินหน้าลุยสายหุ้นเทคด้วยการซื้อหุ้นบริษัทเกมรายนี้ คาดว่าทุกฝ่ายอาจรอดูในรายงานประจำปีต่อผู้ถือหุ้นที่จะออกมาในวันที่ 26 ก.พ. นี้ก่อน
 

apple_m1-pro-m1-max_silicon-f
 
ทั้งนี้ ชื่อของบัฟเฟตต์มักจะถูกยกเป็นตัวอย่างบ่อยครั้งในฐานะ นักลงทุนวีไอที่กลับใจเข้าสู่หุ้นเทค จากกรณีที่ปู่เคยเอ่ยปากเองว่า เป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่เคยขายหุ้น Apple Inc. ไป ทำให้พลาดโอกาสทำเงินในยุครุ่งโรจน์ของหุ้นเทค

แต่หลังจากนั้น บริษัทของปู่ก็เริ่มกลับมาทยอยซื้อหุ้น Apple ตั้งแต่ปี 2018 จนปัจจุบัน หุ้นของ Apple มีสัดส่วนมากกว่า 40% ในพอร์ทของ Berkshire ไปแล้ว แต่นอกจากหุ้นของ Apple และ Amazon ปู่ก็ยังไม่ได้แตะหุ้นเทคตัวอื่นมากนัก

 

000_was6545745

แต่การเข้าช้อนหุ้นของ “ปู่บัฟเฟตต์” ในครั้งนี้ เขาอาจจะเห็นอะไรมากกว่าที่เราเห็น ก็เป็นได้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT