เปิดแผนธุรกิจของ LG ตั้งเป้ารายได้ 2.67 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573

บริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ เตรียมปรับแผนการทางธุรกิจ เดินหน้าสู่ “Smart Life Solutions Company” หรือบริษัทโซลูชันเพื่อชีวิตสมาร์ท พร้อมสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า และตั้งเป้ารายได้ต่อปีทั่วโลก เป็น 100 ล้านล้านวอน (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยนายวิลเลียม โช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอลจี อีเลคทรอนิคส์ กล่าวว่า แอลจีพร้อมเป็นแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้ามีแต่รอยยิ้มและรู้สึกอบอุ่น ตามสโลแกน ‘Life’s Good’ และขับเคลื่อนบริษัทภายใต้แนวคิด ESG ในฐานะองค์กรธุรกิจระดับโลก และเดินหน้าสู่การเป็น Smart Life Solutions Company ที่เชื่อมต่อและเปิดประสบการณ์ในหลายๆ ด้านให้กับผู้บริโภค มากกว่าการเป็นแค่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ดีที่สุดที่มีสินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่พลิกโฉมแบรนด์แอลจีให้มีความล้ำหน้า มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลย และยกประสบการณ์ลูกค้า ผ่านนโยบาย 3 เสา ได้แก่ :

• ผลักดันธุรกิจบริการบนแพลตฟอร์ม ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ
• เร่งขยายธุรกิจแบบ B2B กับกลุ่มลูกค้าพาณิชย์ โดยเฉพาะด้านยานยนต์ และเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง
• ปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัล : โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์พ่วงบริการ ที่อาจสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ใช้งบลงทุนกว่า 99 ล้านล้านวอน

อีกทั้ง ยังมีแผนลงทุนกว่า 50 ล้านล้านวอน (ราว 1.34 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 รวมถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 25 ล้านล้านวอน (ราว 6.68 แสนล้านบาท) การลงทุนด้านโรงงานผลิตมากกว่า 17 ล้านล้านวอน (ราว 4.6 แสนล้านบาท) และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 7 ล้านล้านวอน (ราว 1.87 แสนล้านบาท)

นายวิลเลียม ยังเน้นยำการทะลุเป้าหมาย แบบ Triple 7 นั้น ก็คือ

• มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยและกำไรจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 7%
• มีอัตราส่วนระหว่างมูลค่ากิจการกับกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 7 เท่า
• ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายจาก 65 ล้านล้านวอน (ราว 1.74 ล้านล้านบาท) จากปีที่ผ่านมา ให้แตะ 100 ล้านล้านวอน (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า