Bitkub จับมือ ThaiGPT เปิดตัว ‘Bitkub AI’ ภายใต้บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ในเครือ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้า เน้นการให้บริการใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Consultation, Tech Partner และ Turnkey Solution
AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางด้านเทคโนโลยี ที่ใน Forum ด้านเศรษฐกิจระดับโลกอย่าง World Economic Forum ก็เลือกหยิบสิ่งนี้มาเป็นประเด็นหลักในการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2568
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เผยว่า “เรากำลังจะเข้าสู่จุดที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure) จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Technology) ทำให้ทิศทางของโลกชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการปฏิวัติดิจิทัลสีเขียว (Digital Green Revolutions) จะถูกพัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะมาเพิ่มขีดความสามารถ และปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) จะกลายมาเป็นตัวแปลที่สำคัญในยุคเปลี่ยนผ่านและเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
แม้กระทั่ง Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum ยังกล่าวว่า ธีมหลักของการจัดงาน World Economic Forum ในปี 2567 มุ่งเน้นไปในประเด็นของ AI เนื่องจาก AI จะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น AI จะเข้ามามีบทบาทในการเข้าถึงชุดทักษะเชิงวิชาชีพ (Technical Skills) ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า 44% ของทักษะความสามารถ (Skill Sets) ของคนทั้งหมด จะไม่สามารถใช้ได้
ซึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า ประชากรทั้งโลกมีแนวโน้มที่จะจำเป็นต้องกลับไปเรียนเพื่อยกระดับชุดความรู้ใหม่ ๆ (Reskill & Upskill) ในทางกลับกัน ชุดทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต คือ ทักษะทางสังคม (Soft Skills) อาทิ ทักษะในการพูดในที่สาธารณะ ทักษะในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ ทักษะการทำงานกันเป็นทีม เป็นต้น เนื่องจาก AI นั้นสามารถที่จะลอกเลียนแบบหรือทำซ้ำการทำงานเชิงเทคนิคได้ แต่ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบการทำงานเชิงมนุษย์ได้
ดังนั้นการเข้ามาของ AI จะส่งผลให้ สินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากฐานข้อมูลทางดิจิทัลที่สำรองเอาไว้มีความเสี่ยงที่จะถูกลดมูลค่าลง และทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายทางมูลค่าไปยังสินทรัพย์ที่ AI ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ อาทิ บิทคอยน์ (Bitcoin) หรือ สินทรัพย์ทางพลังงาน (Energy Assets) เป็นต้น
พาร์ทเนอร์คนสำคัญที่ Bitkub เลือกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนา Bitkub AI คือ ThaiGPT ผู้นำทางด้านกการพัฒนา AI ภาษาไทย ซึ่ง Bitkub มองว่าจะช่วยให้ Bitkub AI กลายเป็นผู้นำด้าน AI ภาษาไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของการขยายธุรกิจในประเทศด้วย
นางสาวเนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ จำกัด เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ บิทคับ เวนเจอร์ ตัดสินใจร่วมลงทุนในครั้งนี้ คือ การที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสามารถในการแข่งขันหลาย ๆ อย่าง จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งในโลกอนาคต ทั้งนี้ AI ยังมีตลาดขนาดใหญ่ มีองค์กรที่ต้องการใช้บริการอีกจำนวนมาก
ผู้ก่อตั้ง ThaiGPT ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ นายแพทย์ ภาณุทัต เตชะเสน มีความเชี่ยวชาญทางโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะด้านภาษา AI และ คุณโดม เจริญยศ มีความเชี่ยวชาญทางโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งสิ่งที่ ThaiGPT ได้ทำไปแล้ว คือ การพัฒนาภาษาไทยใน AI ซึ่งสามารถทำให้ Bitkub เป็นผู้นำในด้านนี้อีกด้วย ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ของ ThaiGPT ที่ให้บริการแก่ลูกค้า ไม่ได้เป็นการทำโครงสร้างพื้นฐาน (Infastructure) แต่จะเป็นการทำวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ทางด้านข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าในองค์กรต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ต่อได้ นี่คือสิ่งที่เรามองว่าจะมาขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การลงทุนใน ThaiGPT ในครั้งนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทบิทคับทั้งหมด โดยโครงการนำร่องที่เราจะนำมาใช้ จะเกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ลูกค้าของ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
นายแพทย์ ภาณุทัต เตชะเสน ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทย จีพีที จำกัด เผยว่า เราผ่านการปฏิวัติทางไอที (IT Revolution) มาหลายครั้งแต่ครั้งนี้เป็นการปฏิวัติที่เร็วที่สุด เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) เป็นเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วมาก ความก้าวหน้าของ AI เร็วกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ผ่านมา สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ ในอนาคตจะมีกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่
ด้าน นายโดม เจริญยศ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทย จีพีที จำกัด เผยถึงความจำเป็นที่ทุกคนพึงต้องเข้าถึง และเรียนรู้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้ทันท่วงที เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเทคโนโนโลยีต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น ซึ่งมีบาทบาทที่สำคัญต่อการทำงานและการดำเนินชีวิต ซึ่งทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา บางคนอาจจะยังตามไม่ทันกับเทคโนโลยีบางชนิด เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัวของบุคคลนั้น ๆ เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automation) เป็นต้น
แต่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ที่กำลังเข้ามา จะเปลี่ยนแปลงทุกวงการอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องเริ่มเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเอง โดยเฉพาะการนำไปประยุกต์ใช้กับฐานข้อมูลและระบบหลังบ้านเพื่อสร้างการรับรู้เชิงลึกหรือสร้างสรรค์มิติการทำงานใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร ดังนั้น AI สามารถที่จะสร้างความได้เปรียบในการขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้
“ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลเข้ามาปฏิวัติงานประเภทใช้แรงงาน (Blue Collar - กรรมกร) เพิ่มผลผลิต ใช้คนน้อยลง งานประเภทที่ทำซ้ำ หรือใช้แรงงานหนัก จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร แต่ในยุคปฏิวัติเทคโนโลยี AI จะเข้ามาแทนที่งานประเภทใช้ข้อมูล (White Collar - พนักงานออฟฟิศ) ทักษะเฉพาะทางบางอย่างจะถูก AI ทำแทนได้ในเสี้ยววินาที ทุกองค์กรจึงต้องใช้ AI เพราะในอนาคต บริษัทที่มีพนักงาน 50 คนจะสามารถมีผลิตภาพเท่ากับบริษัทที่มีคนนับหมื่นคนได้ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ท่ามกลางการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งที่ 4 นี้ได้” นายจิรายุส กล่าวเสริม