ธุรกิจการตลาด

EGCO มั่นใจกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ 1,000 MW หลังปิดดีลในสหรัฐ-อาเซียน

30 ส.ค. 66
EGCO มั่นใจกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ 1,000 MW  หลังปิดดีลในสหรัฐ-อาเซียน

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) อยู่ระหว่างเตรียมลงทุนโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ 1-2 โครงการ และในอาเซียน 1 โครงการ  คาดปิดดีลภายในปีนี้ มั่นใจว่ากำลังการผลิตใหม่ปีนี้จะถึง 1,000 MW แม้ขณะนี้จะมีเพียง 100 MW เท่านั้น

“บริษัทเตรียมเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) เช่น ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ในประเทศที่มีฐานการผลิตอยู่แล้ว อย่าง สหรัฐฯ จำนวน 1-2 โครงการ และอาเซียนอีก 1 โครงการ ที่มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในสิ้นปีนี้ จะทำให้เป้าหมายกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีในมือแล้ว 100 เมกะวัตต์” นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO เผย

ปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 3 หมื่นล้านบาท

ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 30,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อกิจการ (M&A) โดยเอ็กโก กรุ๊ป ยังคงหาโอกาส การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง 

การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทจะขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ระยะสั้น 4S ที่เน้นการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูง (Select high quality projects) ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) อย่างก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อรับรู้รายได้ทันที โดยมีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว

EGCO คาดปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อน

บริษัทคาดว่า ปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อน ภายตัวเลขกำไรในช่วง 6 เดือนแรก อยู่ที่ 3,482.06 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิเติบโตมากกว่าทั้งปี 65 อยู่ที่ 2,683.10 ล้านบาท แต่ในแง่ของรายได้ปีนี้ คาดว่าน่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากค่าไฟฟ้า (Ft) ปรับตัวลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ

แต่ผลการดำเนินงานปีนี้ จะได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้เต็มปีโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในลาว รวมถึงโรงไฟฟ้าเช็ก ในสหรัฐ และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลินในไต้หวันสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหันแล้วเสร็จ

รวมถึง โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยสนับสนุนพันธกิจหลักของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนด้วย

โดยการดำเนินงานทั้งหมดนี้      จะช่วยสนับสนุนพันธกิจหลักของบริษัทคือ การมุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน

EGCO ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6,317 MW

ปัจจุบัน EGCO มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,317 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นดังนี้

  1. กำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,363 เมกะวัตต์ คิดเป็น 22% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสดงอาทิตย์ พลังงานลม เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้านแบตเตอรี่ 
  2. กำลังการผลิตจากถ่านหิน 1,356 เมกะวัตต์คิดเป็น 21% 
  3. กำลังการผลิตจาก Natural Gas 3,597 เมกะวัตต์ คิดเป็น 57%

มีแผนลงทุนพลังงานไฮโดรเจน พลังงานสีเขียวในแผนระยะกลางถึงระยะยาว

สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว EGCO วางแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตอย่าง ซัพพลายเชนไฮโดรเจน ที่มีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว 

จากการร่วมมือกับพันธมิตรหลายแห่งเพื่อศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และความเป็นไปได้ในการลงทุน เช่น การพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซไฮโดรเจนสำหรับการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยคาร์บอน การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับซัพพลายเชนไฮโดรเจน 

รวมถึง การผลิตกรีนไฮโดรเจนจากโรงไฟฟ้าโบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมกรีนไฮโดรเจน เป็นต้น

ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

EGCO มีแผนเรื่องของการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

โดย EGCO ได้ปรับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทชั้นนำของโลก 

โดยขยับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 ปี เป็น 2040 และเพิ่มเป้าหมายใหม่ คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้าและพลังงานใหม่ ๆ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว 

สำหรับเป้าหมายใหม่นี้ จะช่วยสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของ EGCO ให้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานในระดับสากล รวมถึงความต้องการไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด

สำหรับการลงทุนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ EGCO มุ่งสู่การบรรลุ Net Zero 2050 ได้ตามแผน คือ การลงทุนในเอเพ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพและช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เอ็กโก กรุ๊ป ในระยะยาว เนื่องจากเอเพ็กซ์จะช่วยเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยโมเดลการดำเนินงานในรูปแบบไฮบริด คือ การพัฒนาโครงการเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เอง และจำหน่ายโครงการออกไป

โดยในปี 66 เอเพ็กซ์ มีโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 294 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 657 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 66-68 ได้แก่

  1. โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการในรัฐเท็กซัส โครงการพลังงานลม 1 โครงการ ในรัฐเมน 
  2. โครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ ในรัฐเท็กซัส

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกจำนวนมากถึง 242 โครงการ กำลังผลิตรวม 53,767 เมกะวัตต์

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรสุทธิจำนวน 3,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในช่วงครึ่งปีแรก เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน ดังเช่น โครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน       ที่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างได้ตามแผนงาน โดยปัจจุบัน (ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2023) สามารถติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จจำนวน 39 ต้น และติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหัน (Wind Turbine Generators)            ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว จำนวน 22 ต้น

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT