เทรนด์ยุคดิจิทัลได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคต่างๆ ทั้งการซื้อของออนไลน์ การสั่งซื้อสินค้าในตู้อัตโนมัติ รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินที่นอกเหนือจากตูเอทีเอ็มแล้ว ก็มีตู้ฝากเงินอัตโนมัติ(CDM) ซึ่งเดิมตู้อัตโนมัติสามารถกดฝากเงินได้เลย เพียงมีเลขบัญชี เป็นใครก็ฝากได้ โดยจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ฝากเงินในตู้อัตโนมัติ ซึ่งปัจจุบันไทยมีตู้ CDM ณ ปี 2565 มีถึง 10,000 เครื่องเลยทีเดียว
นั่นกลับกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้มิจฉาชีพใช้ช่องทางนี้ในการส่งเงินไปยังตัวบ่งการ นับเป็นช่องทางให้กับการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด การพนัน หรือมิจฉาชีพที่หลอกลวงทางการเงิน และผู้สนับสนุนทางการเงินกับผู้ก่อการร้ายได้ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือจับตัวผู้กระทำผิดได้ ซึ่งได้สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับประเทศ
โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สมาคมธนาคารไทย ได้พิจารณาร่วมกันให้มีการแสดงตัวตนสำหรับผู้ฝากเงิน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ทั้งต้นทางและปลายทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับประชาชนในการทำธุรกรรม ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบการเงิน จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
วิธีการแสดงตนของผู้ฝากเงินสดผ่านตู้ CDM ทำได้ 2 รูปแบบ ดังนี้
- ผู้ฝากเงินใส่หมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของตน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และรหัส OTP (One-Time Password) ที่ได้รับ โดยมีวงเงินฝากสูงสุด 30,000 บาท ต่อครั้ง(รวมค่าธรรมเนียม)
- ผู้ฝากเงินใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตของตน ร่วมกับรหัสส่วนตัว (PIN)โดยมีวงเงินฝากสูงสุด 100,000 บาท ต่อครั้ง (รวมค่าธรรมเนียม)
โดยการแสดงตนที่ตู้ CDM ด้วยวิธีการดังกล่าว โดยในระยะต่อไป ปปง. ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จะประเมินผลการดำเนินการ เพื่อพัฒนาทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป ซึ่งรายละเอียดและเงื่อนไขการให้บริการสามารถศึกษาได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ของธนาคารที่ใช้บริการ