แม้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human being is social animal) ตามคำกล่าวของนักปราชญ์กรีกผู้ยิ่งใหญ่ อริสโตเติล (Aristotle) ที่สะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ที่มักชอบอาศัยอยู่และทำกิจกรรมร่วมกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมสร้างความสุข ความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ตนเอง
แต่บริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนถูกแบ่งลักษณะพฤติกรรมออกเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจหรือ Extrovert กับอีกกลุ่มคือ กลุ่มคนที่มีโลกส่วนตัวหรือบุคคลที่มีความเป็นปัจเจกนิยมขะเรียกว่า Introvert หรือ Individualism ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้หลายธุรกิจนำมาประยุกต์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
SPOTLIGHT อยากพาทุกคนมารู้จักกับเทรนด์ Solo dining Experience หรือประสบการณ์การรับประทานอาหารคนเดียว ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ เพราะการกินข้าวคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก จากบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป
แนวคิดปัจเจกนิยม คือ บุคคลที่ชอบความเป็นอิสระ ไม่กลัวการอยู่คนเดียวหากไม่มีใคร หรือ อยู่ในสถานะโสด และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้มนุษย์เรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้การกินข้าวคนเดียวเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับพวกเขา นั่นจึงทำให้เกิดเทรนด์ Solo dining Experience ในหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ เเละญี่ปุ่น
3 ประเทศในเอเชีย ผู้ริเริ่ม Solo dining Experience
สืบเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ผู้คนต่างพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป จากผลสำรวจในปี 63 ชี้ให้เห็นว่า คนจีนเกือบ 25 % นิยมที่จะอยู่คนเดียว ถึงขนาดเกิดกระแสแฮชแท็ก “กินคนเดียว” ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของจีน
ประเทศเกาหลีใต้ มีแนวคิดที่เรียกว่า “Honjok” (ฮนจก) คือแปลว่า “เผ่าหนึ่งคน” ที่สามารถแปลได้ว่า เราสามารถอยู่ได้โดยลำพัง ทำกิจกรรมต่าง ๆ คนเดียว กินข้าวคนเดียว และมีความสุขได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงเกาหลีใต้ อยากครองโสดและไม่อยากมีลูก จากปัจจัยกดดันทางสังคม และปัญหาชายเป็นใหญ่ในสังคมเกาหลี นั่นจึงทำให้เกิดร้านอาหารในคอนเซปต์ Honbap (ฮน-บับ) ที่หมายถึงการนั่งทานข้าวคนเดียวในเกาหลีใต้จำนวนมาก
ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นเริ่มมีไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม สืบเนื่องจากสภาพสังคมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นกินข้าว ดูหนัง เดินห้างท่องเที่ยว จนเกิดเป็นเทรนด์ “โอฮิโทริซามะ” (Ohitorisama / お一人様) ซึ่งมีความหมายว่า ตัวคนเดียว ซึ่งโอฮิโทริซามะสามารถใช้ได้ในหลายบริบท เช่นคนโสด คนที่หย่าร้าง คนรักอิสระ หรือแม้แต่คนที่ชอบไปไหนคนเดียว
ทำให้เกิดการต่อยอดสู่การสร้างธุรกิจหลากหลาย รวมไปถึงการเกิดขึ้นของ “ฮิโตริ ยากินิกุ” (Hitori Yakiniku) ซึ่งหมายถึงการกินปิ้งย่างคนเดียว หรือ “ฮิโตริ ชาบู” (Hitori Shabu) ซึ่งหมายถึงการกินชาบูคนเดียว ในขณะที่ปัจจุบันเองก็มีหลายร้านที่มักจะติดป้ายว่า “mokushoku” ซึ่งหมายถึงการนั่งทานเงียบ ๆ คนเดียวเช่นกัน
จากการที่คนในสังคมผลักดันให้ภาพของการกินข้าวคนเดียวกลายเป็นสิ่งชินตาในสังคมทั่วโลก เช่นเดียวในกับวงการธุรกิจอาหาร เริ่มมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อเข้ามาเติมเต็มและตอบโจย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนใหม่ที่เริ่มเปลี่ยนไป
แต่การกินข้าวคนเดียวไม่ใช่แค่การกินอาหารจานเดียวง่ายๆ แต่ยังรวมไปถึงเมนูที่ปกติแล้วต้องสั่งในจำนวนมากๆ ที่ต้องกินกับแก๊งเพื่อนหรือครอบครัว เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์ หรือ ชาบู สุกียากี้
เช่น แต่ก่อนเวลาที่เราไปกินชาบู ส่วนใหญ่หม้อมักมีไซส์ที่ใหญ่เกินไป เกินที่เราจะกินคนเดียว แต่ปัจจุบันมีร้านค้าหลายร้านที่สร้างบรรยากาศและคุณค่าให้ผู้บริโภคว่า”การกินข้าวคนเดียวไม่เรื่องแปลก เราสามารถมีความสุขในการกินข้าวคนเดียวโดยไม่เคยอายได้”
หนึ่งในร้านอาหารชาบูและสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่เข้ามาตอบโจทย์การสร้างความสุขด้วยตัวเอง จากการรับประทานอาหารคนเดียว ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทย เริ่มมีหลายแบรนด์ที่เกาะกระแสเทรนด์การนั่งรับประทานอาหารคนเดียวมากขึ้น
คุณธีรภพ กรานเลิศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า สำหรับในประเทศไทย ตลาดธุรกิจชาบูและสุกียากี้มีการเติบโตค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจรวมในตลาดกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นประมาณ 5.4% ของธุรกิจอาหารในประเทศไทยทั้งหมด กระแสความนิยมนี้เกิดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่เครือมากุโระกรุ๊ปก็ยังคงมองเห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจนี้จึงอยากพลิกมุมมองชาบูรูปแบบหม้อเดียว (หม้อส่วนตัว) เป็นการให้เวลาตัวเอง ได้ดื่มด่ำกับความสุขอย่างเต็มที่
โดย“ฮิโตริ แปลว่า คนเดียวหรือลำพัง ฮิโตริ ชาบู จึงเป็นร้านที่เราออกแบบมาเพื่อรับเทรนด์ Solo Dining Experience หรือการมากินคนเดียว แม้ว่าเดิมทีอาหารประเภทชาบูและสุกียากี้เคยเป็นอาหารที่ต้องรับประทานเป็นกลุ่ม การรับประทานชาบูและสุกียากี้คนเดียวจึงถูกมองว่าเป็นความโดดเดี่ยวและแปลก แต่ที่ ฮิโตริ ชาบู ต้องการทำให้การรับประทานอาหารคนเดียวเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางความรู้สึก เราอยาก ทำให้การรับประทานชาบูหม้อเดียวที่ฮิโตริเป็นช่วงเวลาให้ได้อยู่คนเดียวอย่างสบายใจ เกิดความรักตัวเอง และเปิดรับทุกสัมผัส ให้กับความสุขที่อยู่ตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง เราจึงสร้างสรรค์ร้านฮิโตริ ชาบู ให้เป็นแหล่งเติมเต็ม “ความสุขที่คุณดื่มด่ำ ได้ด้วยตนเอง” ให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกัน”
4 น้ำซุปสไตล์ญี่ปุ่นของ ฮิโตริ ชาบู
Shabu Shabu Set ที่จะประกอบไปด้วย น้ำซุปหลากหลายแบบให้เลือกสั่งตามความชอบ ได้แก่
เมื่อเลือกน้ำซุปได้แล้ว ภายในเซ็ตจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อสัตว์ซึ่งสามารถสั่งได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวญี่ปุ่น, ชุดผัก, ไอศกรีมชาเขียวซอฟต์เสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้มงาและพอนสึสูตรพิเศษของทางร้าน
Sukiyaki Set ทีประกอบไปด้วย น้ำซุปวาริชิตะ, เนื้อสัตว์ตามชอบ, ไข่ไก่สดโมริทามะ, ข้าวญี่ปุ่น, ชุดผัก และไอศกรีมชาเขียวซอฟต์เสิร์ฟ
ราคา Set เริ่มต้นที่ 480-1,390 บาท
ราคา A La Carte เริ่มต้นที่ 380- 1,190 บาท
มากุโระ กรุ๊ป ประกอบธุรกิจร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Give More Culture" โดยปัจจุบัน มีร้านอาหารภายในเครือ ทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่
1.ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่น "MAGURO" (มากุโระ) 12 สาขา
2.ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม "SSAMTHING TOGETHER" (ซัมติง ทูเก็ตเตอร์) 5 สาขา
3.ร้านชาบูและสุกียากี้ "HITORI SHABU" (ฮิโตริ ชาบู) 5 สาขา
มากุโระ กรุ๊ป มีผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงและต่อเนื่อง โดยในปี 64-65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 387.61 ล้านบาท และ 665.85 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 71.78% และมีกำไรสุทธิ 9.57 ล้านบาท และ 31.36 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตสูงถึง 227.69% ในส่วนงวด 6 เดือนแรกในปี 65 และปี 66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 274.28 ล้านบาท และ 501.20 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 82.73% โดยมีกำไรสุทธิ 8.02 ล้านบาท และ 39.72 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นถึง 395.26%