ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทย เวลานี้กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆโดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ดึงดูดทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนสะสมทะลุ 1 แสนล้านบาทไปแล้ว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจากความคึกคักของจำนวนนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ ที่เดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตเป็นจำนวนมาก โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ที่มากกว่า 6 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้านบาท และในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 35 ล้านคน สร้างรายได้ 1.92 ล้านล้านบาท
ความคึกคักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต สะท้อนให้เห็นผ่านแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ ซึ่งถือเป็นประเภทโครงการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูเก็ต
สาเหตุของราคาที่ดินที่สูงขึ้น มาจากปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือ ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวรัสเซียที่เข้ามาท่องเที่ยวระยะยาวในช่วงที่รัสเซียเกิดสงคราม ประการที่สองคือ เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ประการที่สามคือ ภูเก็ตมีช่วงไฮซีซั่นที่ยาวนานกว่าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงช่วงสงกรานต์
ทำให้เวลานี้ ราคาที่ดินในจังหวัดภูเก็ต ทำเลหาดกะรน หาดกะตะ และหาดกมลา ขึ้นแท่นแพงสุด ทะยานแตะ 100 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 250,000 บาท ไปแล้ว
ส่วนโซนบางเทา ราไวย์ และหาดในหาน เฉลี่ยอยู่ที่ 30-50 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 117,500 บาท ขณะที่บริเวณหาดลายัน กระโดดจาก 20 ล้านบาทต่อไร่ ในช่วงโควิด-19 มาอยู่ที่ 70 ล้านบาทต่อไร่ หรือ 175,000 บาท ต่อตารางวา
การแข่งขันที่ดุเดือดของดีเวลลอปเปอร์ ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตที่กำลังโต แบ่งออกเป็น 4 ตลาดใหญ่ๆ ได้แก่ คอนโดมิเนียม บ้าน ลักชัวรีพูลวิลล่า และ คอนโดมิเนียมเพื่อการพักผ่อน
ทำให้เวลานี้ ดีเวลลอปเปอร์ จากส่วนกลาง ที่มีตลาดหลักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลหลายราย ต่างพากันรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซีย และจีน ได้แก่ บมจ.แสนสิริ บมจ.ออริจิ้น และ ASW ดาวเด่นดวงใหม่ ที่กำลังชิมลางอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต
แสนสิริ ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของไทย ประกาศเดินหน้าแผนการลงทุนในจังหวัดภูเก็ตระยะยาว 5 ปี (2566-2570) ภายใต้กลยุทธ์ “แสนสิริ ภูเก็ต 5 ปี 16 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท” เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำศักยภาพของภูเก็ตในฐานะ Strategic Location ของแสนสิริ
โดยแผนการลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วยโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการ และโครงการแนวสูง 7 โครงการ ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ในทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทุกทำเลในภูเก็ต
นอกจากนี้ แสนสิริยังเตรียมเปิดตัว Sansiri Hub อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของแสนสิริในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ในอนาคต
เวลานี้ แสนสิริ มีผ่านโครงการแนวราบและแนวสูงในจังหวัดภูเก็ต รวม 21 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนสะสม 21,000 ล้านบาท สามารถตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ในทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทุกทำเลในภูเก็ต และเมื่อรวมกับโครงการใหม่ที่ลงทุนต่อเนื่องใน 5 ปี อีก 16 โครงการ ส่งผลให้แสนสิริมีโครงการรวมกันมากถึง 37 โครงการ มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ทุ่มงบกว่า 8,000 ล้านบาท ผุดอาณาจักรมิกซ์ยูสระดับลักซูรี Origin Resort World บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ รวม 6 โครงการ ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกเซ็กเมนต์ และรับตลาดท่องเที่ยวโตอย่างต่อเนื่อง
โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ภูเก็ต บางเทา บีช” (Origin Resort World Phuket | Bangtao Beach) ตั้งอยู่บนหาดบางเทา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The one and only precious mixed use beach front community” บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ประกอบด้วย 6 โครงการ ได้แก่
โครงการดังกล่าวถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ชูจุดเด่นด้วยทำเลศักยภาพบนหาดบางเทา แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ใกล้สนามบินภูเก็ตเพียง 15 นาที และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งการพักผ่อน การทำงาน และการลงทุน ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการครบทุกเซ็กเมนต์ และรับตลาดท่องเที่ยวโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ในฐานะผู้นำตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ และชลบุรี ได้เดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มจาก ASW ได้ร่วมทุนกับบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต พัฒนาโครงการ BOTANICA Grand Avenue โครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรีที่ดีที่สุดบนหาดบางเทา โดย ASW ถือหุ้นในสัดส่วน 30% ตามแผนการลงทุนของ ASW ถูกประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปี ว่าจะเปิดโครงการใหม่ทุกทำเล รวมทั้งสิ้น 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 22,500 ล้านบาท
ต่อมา ASW ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเป็น 1 ใน 2 ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ต การเข้าซื้อหุ้น TITLE จะช่วยให้ ASW สามารถต่อยอดและขยายเข้าสู่ธุรกิจคอนโดฯ ในตลาดภูเก็ตได้ทันที โดย TITLE มีที่ดินในทำเลศักยภาพพร้อมพัฒนาโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ในการร่วมกันพัฒนาครั้งนี้ ASW และ TITLE มีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดฯ ระดับลักชัวรีจำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท บนทำเลหาดดังในภูเก็ต ได้แก่ หาดในยาง หาดบางเทา และหาดราไวย์
การรุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตของ ASW ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขยายธุรกิจและก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรีในประเทศไทย
ภูเก็ต เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยศักยภาพด้านธรรมชาติที่สวยงาม ชายหาดที่ทอดยาว หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด เกาะแก่งน้อยใหญ่ที่รายล้อม รวมไปถึงกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย
นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ภูเก็ตยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง แหล่งช้อปปิ้ง รวมไปถึงโรงเรียนนานาชาติ สนามกอล์ฟ ท่าเทียบเรือยอร์ช และสนามบินนานาชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเลือกมาใช้ชีวิตในภูเก็ต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
จากข้อมูลการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 พบว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มียอดซื้อ-โอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติมากที่สุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยชาวจีน รัสเซีย และสหรัฐฯ เป็นกลุ่มชาติที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมากที่สุด
นอกจากนี้ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตรวม 83,250 คน คิดเป็นร้อยละ 12 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่กลับสร้างรายได้มากกว่าร้อยละ 30 ของชาวต่างชาติทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่สำหรับชาวต่างชาติ ในอนาคตอันใกล้นี้ ภูเก็ตจะมีสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 บนพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งจะช่วยรองรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกได้มากขึ้น ส่งผลให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่ของชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก