ธุรกิจการตลาด

บีทีเอส แรบบิท เพิ่มช่องทางชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่าน WeChat Pay

20 ธ.ค. 66
บีทีเอส  แรบบิท เพิ่มช่องทางชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่าน WeChat Pay

การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งถือเป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญอันดับต้น ๆ ของไทย ล่าสุด ความร่วมมือระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสและแรบบิท ในการเปิดให้บริการรับชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านแอปพลิเคชัน WeChat Pay ให้กับนักท่องเที่ยวจีน ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน และสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากจีน

 

บีทีเอส - แรบบิท เพิ่มช่องทางชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่าน WeChat Pay ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยให้นักท่องเที่ยวจีน

บีทีเอส  แรบบิท เพิ่มช่องทางชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่าน WeChat Pay

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นประธานในงานแถลงข่าวความร่วมมือระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสและแรบบิท ในการเปิดบริการรับชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านแอปพลิเคชัน WeChat Pay ให้กับนักท่องเที่ยวจีน ณ สถานีสยาม

ภายในงานได้รับเกียรติจากนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และนางสาวนริศรา ศรีสันต์ ที่ปรึกษากลยุทธ์สื่อสารองค์กร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายเคลวิน เหลียง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บีเอสเอส) และนายเบ็น หยาง กรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ WeChat Pay เข้าร่วม

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการนำระบบการชำระเงินดิจิทัลยอดนิยมของจีนอย่าง WeChat Pay มาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย อำนวยความสะดวกในการเดินทางและยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจีนสามารถใช้แอปพลิเคชัน WeChat Pay ชำระค่าตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวและสายสีทองทุกสถานี ผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วโดยสารอัตโนมัติ ประเภทเดินทางเที่ยวเดียว

นอกจากนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากจีน โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยในปี 2567 อยู่ที่ 8.5 ล้านคน จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 3.4-3.5 ล้านคน ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและสร้างรายได้ให้กับประเทศ

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง โดยได้หารือกับ 5 แพลตฟอร์มดังของจีน ได้แก่ BytePlus, Tencent, XiaoHongShu, MaFengWo และ Juwai IQI ซึ่งทุกแพลตฟอร์มก็พร้อมที่จะนำเสนอมุมมองที่สร้างสรรค์ของไทยให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับรู้ และรับทราบข้อเท็จจริง รวมถึงได้หารือกับทูตจีนประจำประเทศไทยแล้ว ซึ่งท่านก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด พร้อมได้ประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว เพื่อบูรณาการในการทำงานร่วมกัน หากนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว Call Center 1155 หรือ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 02-134-4077 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษาให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

 

ปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท 

บีทีเอส  แรบบิท เพิ่มช่องทางชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่าน WeChat Pay

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีเป้าหมายรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยวปี 2567 ไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ จากตลาดต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท และในประเทศ 1 ล้านล้านบาท โดยจะใช้แผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ 5 ทิศทางหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่

  1. เสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทย
  2. รุกเปิดตลาดคุณภาพใหม่
  3. แสวงหาคู่ค้ารายใหม่ และขยายความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ในเวทีโลก
  4. ขยายการเดินทางเชื่อมโยงทางบกเข้าถึงไทย
  5. ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์เสริมพลังทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวใหม่

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT