เกมเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน เจาะ 3 ทางรอดธุรกิจไทย ทำอย่างไรไม่ให้ตกขบวน ?
ในวันที่โลกของเราได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วความก้าวหน้าของเทคโนโลยียิ่งเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการมาของ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่ว่ากันว่าเป็นจุดเปลี่ยนโลกครั้งสำคัญ จึงไม่แปลกใจที่ประเทศต่างๆกำลังช่วงชิงโอกาสในการเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกันกับ ‘เทรนด์ความยั่งยืน’ หรือ sustainability ที่แม้หลายๆคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วใกล้ตัวมากกว่าที่คิด สำหรับธุรกิจที่ไม่ปรับเปลี่ยนสู่ GO Green ก็อาจทำให้อยู่รอดยากในยุคปัจจุบันและอนาคต เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า“ผู้ที่อยู่รอดในยุคปัจจุบัน คือคนที่จับเทรนด์ให้ทัน และต้องเปลี่ยนให้ไว”
บทความนี้ SPOTLIGHT ได้สรุปสาระสำคัญจากหัวข้อเสวนา Decoding World Economic Forum 2025: What It Means for Business & Society โดยนายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ CEO and Co-founder of RISE จากงาน Future Trends Ahead Summit 2025 มาดูกันในวันที่เกมเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน ประเทศไทยจะต้องปรับตัวอย่างไรให้เราไม่ตกขบวน ?
1.ปฏิวัติวงการแพทย์ ด้วย AI
นายแพทย์ศุภชัย ได้แชร์มุมมองว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์มากขึ้น เราจะสามารถรู้ว่าเราเป็นโรคอะไรได้เร็วขึ้น ซึ่งทางแพทย์ก็สามารถรักษาได้ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเราจะสามารถคิดค้นยาใหม่ๆ ตั้งแต่การผลิตโมเลกุลในตัวยา เราจะสามารถรักษาโรคที่เราไม่เคยรักษาได้ ด้วยการออกแบบยาใหม่ๆที่ตรงจุดมากขึ้น เพราะยาในอนาคตจะเป็นยาที่เหมาะกับยีนส์ของเรามากขึ้น โดยทั้งหมดนี้อาจใช้เวลาไม่ถึงปี
หนทางรอดของการแพทย์ไทย ?
นายแพทย์ศุภชัย เล่าว่า ประเทศไทยของเราเป็นที่รู้จักกันในเวทีโลกจากความเก่งของแพทย์ไทย โรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานสากล JCI มากถึง 62 แห่ง และที่สำคัญคือ ‘ราคา’ที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศตะวันตก
คำถามคือ “ในเมื่อเรามีหมอเก่ง บริการดี แต่ทำไมเราไม่สามารถเป็น Medical Hub ของโลกได้ ?”
ซึ่งหากหากเราปั้นประเทศเทศไทย เป็น ‘Global Health Hub’ ได้จริง เศรษฐกิจไทยจะโตขึ้นมหาศาล และจะช่วยผลักดัน GDP ไทย ให้เติบโตผ่านจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจะต้องโฟกัสการวิจัย นวัตกรรมทางการแพทย์ กางลงทุนและการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านการแพทย์ในไทย
2.AI คือคำตอบของเศรษฐกิจไทยยุคใหม่
สภาพัฒน์ฯประกาศ GDP ไทยปี 67 โตกว่า 2.5% แต่หากเราดู GDP ของประเทศเพื่อนบ้าน เราจะพบว่า ‘ GDP ไทยตามหลังเพื่อนบ้าน’ อย่างมาก นอกจากนี้เรายังเจอวิกฤตเด็กเกิดน้อยที่เป็นปัญหาระดับชาติ หรืออาจกล่าวได้ว่าเราเข้าสู่ ageing society อย่างเต็มตัวแล้ว
นายแพทย์ศุภชัย ได้ตั้งคำถามว่า ในเมื่อเราไม่สามารถเพิ่มประชากรได้ เราก็ต้องเพิ่มประสิทธิภาพแทน และ AI จะเป็นช่องทางที่กำลังเร่งผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (Productivity) ให้กับเรา
เพราะบริษัทที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้อย่างมหาศาล และหากเราพัฒนา AI ได้ บริษัทต่างชาติก็จะมาลงทุนสร้าง Data Center มากขึ้น แต่คำถามคือ ประเทศไทยเรามีพลังงานเพียงพอไหม ?
3.พลังงานฟิวชัน คือทางรอดแห่งอนาคต
พลังงาน คือ ปัญหาหลักของประเทศไทย ไม่ใช่ว่าเรามีพลังงานไม่เพียงพอ แต่เรามีพลังงานสะอาดไม่เพียงพอต่างหาก คำถามคือ ทำไมเราต้องแคร์พลังงานสะอาด ?
นายแพทย์ศุภชัย ได้เล่าว่า ปัจจุบัน 30% ของพลังงานในประเทศเป็นพลังงานหมุนเวียน แต่ความท้าทายของพลังงานหมุนเวียน คือ ความไม่ต่อเนื่องเพราะเราสามารถสามารถบังคับธรรมชาติได้ เช่น พลังงานลม หรือ พลังงานแสงแดดอย่างโซลาเซลล์
และในวันที่ทุกภาคส่วนต่างเชียร์ ให้บริษัทยักษ์ๆต่างมาเปิด Data Centerในไทย แล้วความมั่นคงทางพลังงานของไทยตอบโจทย์กลุ่มบริษัทเหล่านี้หรือเปล่า? อย่างเช่น Microsoft เพิ่งประกาศ จุดมุ่งหมายจะปล่อยคาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 แล้วถ้ามาตั้ง Data Centerในไทย แล้วพลังงานไม่เพียงพอ Microsoft ก็จำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อ คาร์บอนเครคิตอีก ซึ่งหากเราคิดในมุมธุรกิจ มันคุ้มค่าหรือไม่ ?
นายแพทย์ศุภชัย ได้กล่าวเสริมว่า RE100 : Renewable Energy 100% กำลังเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก ในการไปสู่ Net Zero ซึ่ง ประกอบไปด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานลม และพลังงานน้ำ แต่พลังงานเหล่านี้มีข้อจำกัด เช่น ไม่ต่อเนื่อง หรือต้องการพื้นที่จำนวนมาก
ทำให้พลังงานฟิวชัน (Fusion Energy) อาจะเป็นคำตอบและเป็นทางรอดแห่งอนาคต โดยคือดีของพลังงานฟิวชัน คือ
– พลังงานสะอาดที่ทำงาน 24/7
- ไม่มีสารกัมมันตรังสีตกค้าง
- เป็นพลังงานที่ปลอดภัยและไร้มลพิษ
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ศุภชัย ได้ทิ้งทายว่า “หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องทฤษฎีการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก ส่วนตัวมองวาประเทศไทยของเราติดกระดุมเม็ดแรกถูกมานานแล้ว แต่ติดมาหลายรอบแล้ว แต่ปัญหาคือเราไม่ยอมติดกระดุมให้เสร็จสักที”
