หลังจากที่ The Body Shop ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการหรือการฟื้นฟูกิจการ (Administration) ในสหราชอาณาจักรเมื่อช่วงเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมา
ล่าสุด สำนักข่าว CNN รายงานว่า The Body Shop ผู้ค้าปลีกเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขอนามัยที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์ ได้ปิดกิจการร้านค้าทั้งหมดในสหรัฐฯ กว่า 55 สาขา ส่งผลให้พนักงานกว่า 400 คนตกอยู่ในสภาวะว่างงาน
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่า The Body Shop จะมีการปิดร้านค้ากว่า 33 แห่งในแคนาดาจาก 105 แห่ง โดยมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าร้านค้ากว่า 33 แห่งจะปิดหน้าร้าน แต่จะมีการขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซช่องทางออนไลน์แทน
สืบเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกเครื่องสำอางอย่างแบรนด์ The Body Shop ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินกิจการผ่านห้างสรรพสินค้า
เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ The Body Shop
The Body Shop เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ที่มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางและน้ำหอมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ส่งเสริมความยั่งยินและต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ โดยมี คุณอนิตา รอดดิก (Anita Roddick) ผู้ก่อตั้งแบรนด์
The Body Shop ได้เปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น
มือที่ 1 : พ.ศ.2519 คุณอนิตา รอดดิก (Anita Roddick) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ The Body Shop ที่เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม
มือที่ 2 : พ.ศ.2546 L'Oreal บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ได้เข้าซื้อกิจการ The Body shop ด้วยมูลค่ากว่า 642 ล้านปอนด์ หรือราว 30,000 ล้านบาท
มือที่ 3 : พ.ศ.2560 Natura บริษัทผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่สัญชาติบราซิล ได้เข้าซื้อแบรนด์ The Body Shop ด้วยมูลค่า 880 ล้านปอนด์ หรือราว 40,000 ล้านบาท
มือที่ 4 : พ.ศ.2566 Natura ได้ตัดสินใจขายแบรนด์ The Body Shop ให้แก่บริษัทหุ้นออเรเลียส (Aurelius) เจ้าของกิจการเสื้อผ้ากีฬาและแฟชันสัญชาติเยอรมันในข้อตกลงมูลค่าที่ 207 ล้านปอนด์ หรือราว 9.4 พันล้านบาท (ขาดทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท) จากปัญหาการเงินภายในบริษัท
แม้ว่า The Body Shop ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆที่ห้ามไม่ให้มีการทดลองกับสัตว์ก่อนวางจัดจำหน่าย ที่เคยได้รับการรับรอง ‘B Corp’ หรือมาตรฐานสูงสุดในความโปร่งใส กิจการที่ดำเนินการเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมเมื่อปี พ.ศ.2562
อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทต้องเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งปัญหาทางตลาดที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาใหม่ๆในทุกๆวัน ทำให้แบรนด์ The Body Shop อาจไม่ใช่แบรนด์ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน
ที่มา : CNN, The Guardian