บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 หรือเมื่อ 55 ปีที่แล้ว โดย ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่สัปดาห์ละ 500 ตัว ด้วยเงินลงทุนเพียงแค่ 5,000 บาท ด้วยครอบครัวยากจนและมีทุนน้อย จึงได้ประยุกต์เครื่องมือเครื่องจักรจากภูมิปัญญาของตนเอง ผสมผสานกับประสบการณ์ด้านสาธารณสุข จนทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจไก่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ตั้งแต่กิจการฟาร์มไก่ปู่ – ย่าพันธุ์ , ฟาร์มไก่พ่อ – แม่พันธุ์ , ฟาร์มไก่เนื้อ , ไซโลเก็บเมล็ดธัญพืช , โรงงานผลิตอาหารสัตว์ , โรงงานผลิตยาสัตว์ , โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่ทันสมัย เป็นผู้ผลิตไก่ปลอดสารพิษรายแรกของประเทศไทย ที่มีระบบ BIO-SECURITY ที่เข้มงวดในคอมพาร์ทเม้นท์ ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก และกลายเป็นผู้ส่งออกไก่สดที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ทั้งในและต่างประเทศ สามารถนำเข้าเงินประเทศนับหมื่นล้านบาทต่อปี
โดยในช่วงกลางปี 2555 บริษัท สหฟาร์ม จำกัดได้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 หรือประมาณ 10 ปีที่แล้ว และให้บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด (EY) เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ สหฟาร์ม ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ศาลล้มละลายกลางเมื่อปี 2557 ด้วยมูลหนี้รวมกว่า 20,788 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ของสหฟาร์ม 10,353 ล้านบาท และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออีกกว่า 10,435 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ซึ่งศาลได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558
จนกระทั่งปี 2565 “ตระกูลโชติเทวัญ” ได้กลับเข้ามาบริหาร นำโดยคุณจารุวรรณ โชติเทวัญ หรือ “น้ำผึ้ง” ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ทายาทเจน 2 ของ ดร.ปัญญา-ดร.มนูญศรี โชติเทวัญ ผู้ก่อตั้งสหฟาร์มได้เข้ามาทำหน้าที่นำทัพธุรกิจ
โดยคุณน้ำผึ้งได้เข้ามาประกาศปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ทั้งหมด เมื่อ 66 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สหฟาร์มเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีจำนวนไก่โตเพิ่ม 30% และสามารถทำยอดส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก 170,000 ตัน ทำให้ในปีที่ผ่านมา สหฟาร์มได้กลับมาคืนบัลลังก์ส่งออกไก่สดแช่แข็งอันดับ 1 ของประเทศไทยอีกครั้ง
ปี 2561
รายได้รวม : 17,897,275,261 บาท
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 203,119,502 บาท
ปี 2562
รายได้รวม : 20,001,815,959 บาท
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 617,935,753 บาท
ปี 2563
รายได้รวม : 18,945,597,652 บาท
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 549,010,333 บาท
ปี 2564
รายได้รวม : 18,113,738,013 บาท
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 147,965,996 บาท
ปี 2565
รายได้รวม : 27,135,658,218 บาท
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ : 2,197,836,795 บาท
คุณน้ำผึ้ง ได้ก่อตั้งแบรนด์ พอลดีย์ ขึ้น ในปี 2563 ที่เน้นสินค้าสด สะอาด ปลอดภัย บรรจุจากโรงงานที่ได้มาตราฐาน มาเป็นที่ตั้ง โดยกระบวนการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ สินค้า ตัดแต่งและถูกบรรจุภายในมาจากโรงงานที่ได้มาตราฐาน ความสะอาดและความปลอดภัย อย่าง GMP , HACCP และ HALAL ด้วยการมุ่งเน้นด้านคุณภาพ และความสะอาด สินค้าของพอลดีย์ จึงไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เพื่อลดการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้น กับสินค้าของเรา เราจึงเน้นการผลิตและบรรจุสำเร็จจากโรงงาน และส่งตรงถึงบ้านคุณลูกค้าเท่านั้นโดยผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้คุณมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อได้รับสินค้าในมาตราฐาน
พอลดีย์ ฟาร์มไก่อารมณ์ดี ด้วยระบบคอมพาร์ทเม้นขนาดใหญ่ ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ Evaporative System ทำให้ไก่รู้สึกเย็นสบาย มีพื้นที่กว้าง ทำให้ประชากรไก่ไม่แออัด ไก่มีอิสระที่จะวิ่งเล่น คุ้ยเขี่ยขอนไม้ กองฟาง เพื่อให้ไก่ได้ใช้สัญชาตญาณได้เต็มที่
นอกจากนี้ ยังคัดเลือกแต่ธัญพืชคุณภาพสูง และพัฒนาอาหารไก่ให้มีประโยชน์ต่อไก่มากที่สุด บนพื้นฐาน Feed on Plant-Based Proteins และได้รับรองผ่านมาตรฐาน UFAS
อีกทั้ง ยังมีระบบน้ำดื่มที่ผ่านการทรีทเม้นกรองโลหะหนักออกจากน้ำ และยังมีสัตวบาลคอยดูแลไก่ทุกตัว และเสริมสมุนไพรให้ไก่ได้จิกกิน ซึ่งทำให้ไก่พอลดีย์ ไม่มีสารเร่งโต ไม่ใช้ฮอร์โมน ไม่มียาปฏิชีวนะ มีการเปิดเพลงคลาสสิคให้ไก่ฟัง เพื่อให้ไก่ผ่อนคลาย
นี่จึงเป็นที่มา ของ ‘ไก่อารมณ์ดี’ ที่ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่า ไก่ของพอลดีย์มีสุขภาพที่ดีแน่นอน รวมถึง พอลดีย์ยังมีมาตรฐานการรับรองจาก Farm First / Biosecurity Animal Welfare ทำให้ไก่พอลดีย์ จึงเป็นไก่อนามัยที่สด สะอาด ลดการปนเปื้อน เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไขมันแทรกในเนื้อน้อย หนังบาง และยูริกต่ำ เป็นวัตถุดิบชั้นดี และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่รักสุขภาพ
แบรนด์ โชริโชริ
ผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปสำหรับเด็กแพ้อาหาร (Processed Chicken For child with food allergies) มานำเสนอ สหฟาร์มยังให้ความสำคัญกับข้อจำกัดสำหรับเด็กที่แพ้อาหาร จึงพัฒนาและคิดค้นไก่ปรุงสุก ทั้งปีกกลางไก่อบซอส และปีกบนไก่อบซอส เพื่อเป็นทางเลือกให้สำหรับเด็กที่แพ้อาหาร ซึ่งปราศจากสารก่อภูมิแพ้หลักในอาหาร 8 ชนิดด้วยกัน อาทิ นม ไข่ ปลา อาหารทะเลเปลือกแข็ง ถั่วต่างๆ และแป้งสาลี รวมถึงไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ต่างๆ ทำให้โชริโชริ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและถูกปากสำหรับเด็กๆ แน่นอน
ปลาดุกอนามัย เลี้ยงโดยวิธีการธรรมชาติ ที่ต้องการยกระดับปลาดุกไทยและขยายโอกาสสู่ตลาดโลก เนื้อสัมผัสนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาว ให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ลิ้มลองกันอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเป็นการบอกว่า เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
โดยปลาดุก ถือว่า เป็นปลาเศรษฐกิจของไทย ที่คนนิยมทานกันหลากหลาย สหฟาร์มจึงอยากยกระดับปลาดุกไทยขึ้นไปอีก ด้วยการพัฒนาปลาดุกสายพันธุ์ของสหฟาร์มเอง ให้มีรสชาติดี เนื้อสัมผัสแน่น ชุ่มฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาว หนังหนา มีไขมันแทรกในเนื้อ ด้วยกรรมวิธีการเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติ ที่ดูแลและใส่ใจในทุกขั้นตอน จะมีการถ่ายน้ำออกจากบ่อทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้น้ำสะอาดและมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ ขนาดของบ่อเลี้ยงปลา 1 ไร่ จะจำกัดปริมาณปลาเลี้ยงในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน 20,000 ตัวต่อบ่อ เพื่อลดความแออัด และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ทำให้ได้ปลาดุกที่มีคุณภาพ แข็งแรง
จนสหฟาร์มได้รับมาตรฐาน GAP จากกรมประมง (มาตรฐาน GAP คือ ใบรับรองการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี สำหรับการผลิตสัตว์น้ำ) โดยมีวิธีการจัดการแบบพิเศษ เพื่อให้ปลาขับของเสีย ลดกลิ่นโคลน ลดกลิ่นคาว ทำให้สหฟาร์มได้ปลาดุกอนามัย ที่อร่อย เนื้อมีกลิ่นหอมเวลาย่าง ไม่มีกลิ่นสาบ กลิ่นโคลน และมีขนาดปลาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ตัวละ 1.5-2 กิโลกรัม
โดยจะแบ่งปลาเป็น 2 ประเภท คือแบบหั่นชิ้น เหมาะเอาไว้สำหรับปรุงอาหาร ประเภท แกง ผัด และแบบแล่เนื้อ แบบนี้จะไม่มีก้าง จะได้เนื้อล้วนชิ้นใหญ่ เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น
สหฟาร์มบุกตลาดต่างประเทศ เกือบ 100%
ปัจจุบันตลาดใหญ่ของสหฟาร์มคือ ตลาด B2B ในต่างประเทศ ซึ่งเป็น ตลาดหลักของสหฟาร์มเกือบ 100% ในขณะที่ตลาดในประเทศก็มีความสำคัญมาก แต่มีรายใหญ่ที่ค่อนข้างแข็งแรงครองตลาดอยู่ การขยายกลับมาในตลาดในประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจ
แต่ก็ยังเป็นแนวทางการดำเนินงานในอนาคตที่ต้องปรึกษากับบอร์ดผู้บริหารท่านอื่นๆ ทั้งนี้ไก่ไทย ถือว่าโดดเด่นในเวทีโลก ซึ่งปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทย เติบโตต่อเนื่อง เนื่องมาจากปัจจัยหนุนด้านความต้องการทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศคู่ค้า Middle East ที่ให้ความสนใจกับสหฟาร์มในขณะนี้ ทำให้ในปีนี้สหฟาร์มตั้งเป้ายอดส่งออกคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกราว 10%