การต่อสู้ระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส คดี “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเรียกร้องให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรุงเทพธนาคม(KT) ชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง(O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 กินเวลามากว่า 3 ปี
จนคดีแรกสิ้นสุดลงด้วยการที่ ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาให้ กทม.และ KT ร่วมกันชำระหนี้ ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง จำนวน 11,755 ล้านบาท ซึ่งเป็นการฟ้องครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นค่าจ้างของเดือนพฤษภาคม 2562-พฤษภาคม 2564
โดยบีทีเอสต้องได้รับค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน - วงเวียนใหญ่ - บางหว้า และช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง (เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงพฤษภาคม 2564) และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต (เดือนเมษายน 2560 ถึง พฤษภาคม 2564) จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท
วันนี้ SPOTLIGHT จะพามาย้อนรอย คดีการต่อสู้ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ กว่าจะถึงวันนี้เป็นอย่างไร?
ย้อนรอยคดี “รถไฟฟ้าสายสีเขียว”
- 15 ก.ค.2564 บีทีเอสยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องให้กรุงเทพมหานนคร (กทม.) และกรุงเทพธนาคม(KT) ชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง(O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 หนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ พฤษภาคม 2562-พฤษภาคม 2564 ทุนทรัพย์ประมาณ 12,000 ล้านบาท ( คดี O&M1)
- 7 ก.ย.2565 ศาลปกครองกลางพิพากษาคดี O&M1 ให้ กทม.และ KT ร่วมหรือแทนกันชำระหนี้ให้บีทีเอสตามคำฟ้อง ทั้งหมดประมาณ 11,755 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 รวมประมาณ 2,348 ล้านบาท และส่วนต่อขยายที่ 2 รวมประมาณ 9,406 ล้านบาท
- 6 ต.ค.2565 กทม. และ KT ยื่นอุทธรณ์คดี O&M1 ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง
- 22 พ.ย.2565 บีทีเอสยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องให้ กทม.และ KT ชำระหนี้ ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ทุนทรัพย์ประมาณ 11,811 ล้านบาท (คดี O&M2) ซึ่งปัจจุบัน คดี O&M2 อยู่ระหว่างการวินิจฉัย และทำคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
- 17 ส.ค.2566 ศาลปกครองสูงสุดนัดพิพากษาคดี O&M1 ครั้งแรก ตุลาการผู้แถลงมีความเห็นให้ยืนตามศาลปกครองกลางให้ กทม.และ KT ชำระหนี้
- 26 ก.ค.2567 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ กทม.และกรุงเทพธนาคม ร่วมชำระหนี้ ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง
โดยปัจจุบันมีหนี้ค่าเดินรถและซ่อมบำรุงที่ กทม.และกรุงเทพธนาคม รวมดอกเบี้ยแล้ว ราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีต้องเสียอัตราดอกเบี้ยปีละประมาณ 2,600 ล้านบาท หรือวันละประมาณ 7 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาทบวก 1% ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ล่าสุด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศยืนยันการยอมรับคำวินิจฉัยของศาล พร้อมทั้งสั่งการให้เร่งจัดการประชุมร่วมระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) และกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าว
โดยเฉพาะในประเด็นการชำระหนี้สินรถไฟฟ้า BTS ที่ยังคงเป็นที่ถกเถียง ผู้ว่าฯ กทม. เผยว่า จะมีการวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทุกประเด็นที่ศาลได้ชี้ขาด และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามกรอบของกฎหมายอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และยืนยันว่า จะดำเนินการตามคำสั่งศาลให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 180 วัน และจะบริหารจัดการงบประมาณอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินในระยะยาว รวมถึงการต่อสัญญา พ.ร.บ. ร่วมทุนที่จะสิ้นสุดลงในปี 2572 โดยคำนึงถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและคำสั่งศาลอย่างรอบคอบ